เฉลยแนวข้อสอบ แพ่ง 𝟙 มสธ 𝟜𝟙𝟚𝟙𝟙 เรื่อง นิติกรรมการทําสัญญารับสภาพหนี้ของนาย A เป็นการข่มขู่หรือไม่

เฉลยแนวข้อสอบ แพ่ง 𝟙 มสธ 𝟜𝟙𝟚𝟙𝟙 เรื่อง นิติกรรมการทําสัญญารับสภาพหนี้ของนาย A เป็นการข่มขู่หรือไม่ | เล้ง นิติศาสตร์

สวัสดีครับเพื่อนๆ ผม พี่เล้ง นิติศาสตร์ ศิษย์เก่า มสธ วันนี้ผมมีแนวข้อสอบกฎหมายวิชาแพ่ง 1 เกี่ยวกับเรื่องนิติกรรม ที่ทำเพราะเกรงกลัว หรือ ถูกข่มขู่ แต่ความจริงเป็นเช่นไร ต้องมาดูเฉลยกันครับ

อย่าลืมกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะครับ

Tab ดู: แหล่งวิทยาการ นิติศาสตร์ มสธ

💝💝💝

👨‍🎓 วิชาแพ่ง 1 เป็นวิชาที่ต้องลงทะเบียนในเทอมต้นๆของนักศึกษาที่เรียนวิชากฎหมายหรือหลักสูตรนิติศาสตร์บัญฑิต กฎหมายแพ่งเป็นเรื่องกฏหมายระหว่างกับเอกชต่อเอกชนฟ้องร้องกัน เช่น คดีละเมิด ความสามารถของบุคคลผู้ซึ่งทำนิติกรรม สัญญา...

เพราะตัวพี่เล้งมีปัญหาในการเรียนมาก่อน จึงหาวิธีที่จะช่วยน้องๆเพื่อนๆนักศึกษาที่เรียนได้มีแนวทางในการเรียนและการฝึกทำข้อสอบ จึงได้เขียนบล็อกนี้ขึ้นมาเพื่อช่วยบรรเทาปัญหาให้กับผู้ที่ยังไม่ค่อยเข้าใจการทำข้อสอบวิชานิติศาสตร์

อย่างไรก็ดี แม้เพื่อนๆจะได้อ่านและดูคลิปที่พี่ทำแล้ว ก็ยังต้องศึกษาตำราและเรียนกับอาจารย์ที่สอนวิชานั้นๆโดยตรงอีกด้วยจึงจะได้ความรู้ครบถ้วน

ติดตามเฟสบุค:✔ https://bit.ly/30lYOws

ติดตามบล็อกภาษาอังกฤษ:✔ https://titaek-english.blogspot.com/

สนับสนุนการทำคลิปแบบนี้ โอนเงินเข้าบัญชี 🏧 661 3 641 995 ธนาคารกรุงไทย วรวิทย์ ลาภานิกรณ์

🌟เฉลยแนวข้อสอบชุดวิชากฏหมายแพ่ง 1 มสธ : บุคคล นิติกรรม สัญญา

คําถาม นายเอ มาห้างสรรพสินค้าเพื่อจะซื้อโทรศัพท์มือถือ ระหว่างที่กําลังเลือกโทรศัพท์มือถือในร้านอยู่นั้น ก็สังเกตเห็นว่าพนักงานขายทุกคนในร้านกําลังดูแลลูกค้ารายอื่นอยู่ นายเอสบโอกาสจึงแอบขโมยโทรศัพท์มือถือไปจํานวน 5 เครื่อง แต่ขณะนั้นเจ้าของร้านได้เห็นเหตุการณ์ที่นายเอได้ขโมยโทรศัพท์มือถือจากกล้องวงจรปิดภายในร้าน เจ้าของร้านจึงรีบเดินออกมาหานายเอและพูดกับนายเอว่า ตนได้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด และได้บอกกับนายเอว่าจะดําเนินคดีฐานลักทรัพย์ ถ้านายเอไม่ทําสัญญารับสภาพหนี้ต่อร้านขายโทรศัพท์ นายเอกลัวจะถูกดําเนินคดีจึงตกลงยอมทําสัญญารับสภาพหนี้ต่อร้านขายโทรศัพท์ตามที่เจ้าของร้านขายโทรศัพท์เสนอ

ให้นักศึกษาวินิจฉัยว่านิติกรรมการทําสัญญารับสภาพหนี้ต่อร้านขายโทรศัพท์ ระหว่างนายเอกับเจ้าของร้านขายโทรศัพท์ มีผลอย่างไรตามกฎหมาย

แนวการตอบ กรณีตามปัญหาประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์วางหลักว่า มาตรา 164 การแสดงเจตนาเพราะถูกข่มขู่เป็นโมฆียะ การข่มขู่ที่จะทําให้การใดตกเป็นโมฆียะนั้น จะต้องเป็นการข่มขู่ที่จะให้เกิดภัยอันใกล้จะถึงและร้ายแรง ถึงขนาดที่จะจูงใจให้ผู้ถูกข่มขู่มีมูลต้องกลัว ซึ่งถ้ามิได้มีการข่มขู่เช่นนั้น การนั้นก็คงจะมิได้กระทําขึ้น มาตรา 165 การขู่ว่าจะใช้สิทธิตามปกตินิยม ไม่ถือว่าเป็นการข่มขู่ การใดที่กระทําไปเพราะนับถือว่าเกรง ไม่ถือว่าการนั้นได้กระทําเพราะถูกข่มขู่ ข้อเท็จจริงตามปัญหา การที่เจ้าของร้านยื่นข้อเสนอกับนายเอให้นายเอทําสัญญารับสภาพหนี้ต่อร้านขายโทรศัพท์ มิฉะนั้นจะดําเนินคดีฐานลักทรัพย์ ทําให้นายเอกลัวถูกดําเนินคดีจึงยอมตกลงทําสัญญารับสภาพหนี้ ตามที่เจ้าของร้านเสนอนั้น แสดงให้เห็นว่านายเอมิได้มีเจตนาจะทํานิติกรรมทําสัญญารับสภาพหนี้กับเจ้าของร้าน แต่เมื่อเจ้าของร้านข่มขู่ว่าจะดําเนินคดีฐานลักทรัพย์ นายเอจึงตกลงยอมทําสัญญารับสภาพหนี้กับเจ้าของร้านตามที่เจ้าของร้านเสนอ เห็นว่าการแสดงเจตนาทํานิติกรรมของนายเอ ดังกล่าวจึงเป็นการทํานิติกรรมที่เกิดจากการข่มขู่ แต่การทํานิติกรรมเพราะถูกข่มขู่ อันจะเป็นโมฆียะกรรม ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164 นั้น การข่มขู่ดังกล่าวต้องเป็นการข่มขู่ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย แต่หากเป็นการข่มขู่ที่จะใช้สิทธิตามกฎหมาย หรือการข่มขู่ว่าจะใช้สิทธิตามปกตินิยม ตามมาตรา 165 นั้น สามารถกระทําได้ เช่นนี้ การที่เจ้าของร้านรีบเดินออกมาหานายเอและพูดกับนายเอว่า ตนได้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด และได้บอกกับนายเอว่าจะดําเนินคดีฐานลักทรัพย์ ถ้านายเอไม่ทําสัญญารับสภาพหนี้ต่อร้านขายโทรศัพท์ นายเอกลัวจะถูกดําเนินคดี จึงตกลงยอมทําสัญญารับสภาพหนี้ต่อร้านขายโทรศัพท์ตามที่เจ้าของร้านฯเสนอดังกล่าวเป็นกรณีที่เจ้าของร้านฯข่มขู่โดยมีหลักฐานว่าเจ้าของร้านผู้ขู่มีมูลว่าจะฟ้องคดีอาญาแก่กับนายเอผู้ถูกข่มขู่ได้ เช่นนี้ถือว่าเป็นการขู่โดยใช้สิทธิตามปกตินิยมซึ่งไม่ถือว่าเป็นการข่มขู่ ตาม ปพพ. 165 สรุป การแสดงเจตนาซื้อโทรศัพท์ของนายเอกับเจ้าของร้านไม่ตกเป็นโมฆียะ ตามข้อวินิจฉัยดังกล่าวข้างต้น