แนวข้อสอบอาญา 1 มสธ มาตรา 59, 80, 60 นาย ก ตั้งใจจะยิงนาย ข แต่นาย ข หลบทัน | เล้ง นิติศาสตร์ มสธ
พบกับโจทย์ 3 ข้อ+เฉลย +เทคนิคการเรียน + ข้อคิดสกิดต่อมขยันให้คันๆสู่เป้าหมาย 555
แนวข้อสอบอาญา 1 [ดูครบจบแน่] |
Update กฏหมาย: Attorney's journey: หนทางนักกฏหมาย
คลิกดู: แหล่งวิทยาการ นิติศาสตร์ มสธ
อนึ่ง ข้อความทั้งหมดนี้เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนเท่านั้น
เคล็ดลับสอบผ่าน และได้เกรดดีๆ
💚ดูหน่วยเน้นของภาคการศึกษานั้นๆให้เข้าใจ
💚ท่องมาตราเน้นให้ได้
💚หัดเขียนตอบอัตนัยบ่อยๆ
💚ทำแบบประเมินตนเอง ก่อนเรียน และ หลังเรียน ครบทุกบท และทำทบทวนหลายๆครั้ง
ข้อสอบอัตนัยมี 3 ส่วน ได้แก่
1 ท่อนแรก ยกบทกฏหมาย
2 ท่อนสอง วินิจฉัย
3 ท่อนท้าย สรุปธงคำตอบ
1 ท่อนแรก ยกบทกฏหมาย
2 ท่อนสอง วินิจฉัย
3 ท่อนท้าย สรุปธงคำตอบ
คลิกดู 💣 รูปแบบฟอร์มการตอบ
นาย ก ตั้งใจจะยิงนาย ข แต่นาย ข หลบทันกระสุนจึงไปโดนกระจกรถนาย ค ที่จอดอยู่ข้างทาง ถามว่านาย ก มีความผิดหรือไม่
แนวตอบ
กรณีตามปัญหา ประมวลกฏหมายอาญาวางหลักไว้ว่า
(ม.59) บุคคลจะต้องรับผิดในทางอาญาก็ต่อเมื่อได้กระทำโดยเจตนา เว้นแต่จะได้กระทำโดยประมาท ในกรณีที่
กฎหมายบัญญัติให้ต้องรับผิดเมื่อได้กระทำโดยประมาท หรือเว้นแต่ในกรณีที่กฎหมายบัญญัติไว้โดยแจ้งชัดให้ต้องรับผิดแม้ได้กระทำโดยไม่มีเจตนา
กระทำโดยเจตนา ได้แก่กระทำโดยรู้สำนึกในการที่กระทำและในขณะเดียวกันผู้กระทำประสงค์ต่อผล หรือย่อมเล็งเห็นผลของการกระทำนั้น
(ม.80) ผู้ใดลงมือกระทำความผิดแต่กระทำไปไม่ตลอด หรือกระทำไปตลอดแล้วแต่การกระทำนั้นไม่บรรลุผล ผู้นั้นพยายามกระทำความผิด
ผู้ใดพยายามกระทำความผิด ผู้นั้นต้องระวางโทษสองในสามส่วนของโทษที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้น
(ม.60) ผู้ใดเจตนาที่จะกระทำต่อบุคคลหนึ่ง แต่ผลของการกระทำเกิดแก่อีกบุคคลหนึ่งโดยพลาดไป ให้ถือว่าผู้นั้น
กระทำโดยเจตนาแก่บุคคลซึ่งได้รับผลร้ายจากการกระทำนั้น แต่ในกรณีที่กฏหมายบัญญัติให้ลงโทษหนักขึ้นเพราะ
ฐานะของบุคคล หรือเพราะความสัมพันธ์ระหว่างผู้กระทำกับบุคคลที่ได้รับผลร้าย มิให้นำกฏหมายนั้นมาใช้บังคับเพื่อลงโทษผู้กระทำให้หนักขึ้น
จากข้อเท็จจริงตามปัญหา การที่นาย ก ตั้งใจจะยิงนาย ข นับได้ว่า นาย ก มีเจตนาฆ่านาย ข เพราะนาย ก มีความตั้งใจและใช้อาวุธปืนซึ่งมีอานุภาพร้ายแรงสามารถทำให้ผู้ถูกยิงถึงแก่ความตายได้ซึ่งก็คือนาย ข
กระทำโดยเจตนานั้น กล่าวคือ ผู้กระทำได้กระทำโดยรู้สำนึกในการที่กระทำและในขณะเดียวกันผู้กระทำประสงค์ต่อผล หรือย่อมเล็งเห็นผลของการกระทำนั้น
แต่ปรากฏว่านาย ข หลบกระสุนปืนของนาย ก ทัน กระสุนได้พลาดไปโดนกระจกรถนาย ค ที่จอดอยู่ข้างทาง ดังนั้น
ในกรณีนี้จะเห็นได้ว่านาย ข มิได้ตายตามประสงค์ของนาย ก แต่อย่างใด นาย ก จึงมีความผิดเพียงฐานพยายฆ่านาย ข
สำหรับกรณีที่กระสุนได้พลาดไปโดนกระจกรถนาย ค ที่จอดอยู่ข้างทางนั้น กรณีนี้นาย ก จะไม่มีความผิดทางอาญาต่อนาย ค เพราะการกระทำโดยพลาดนั้นผลของการกระทำเกิดแก่อีกบุคคลหนึ่งโดยพลาดไป
จากข้อเท็จจริงที่ปรากฏอยู่นี้ กระสุนของนาย ก ได้พลาดไปโดนกระจกรถนาย ค มิใช่ร่างกายของนาย ค แต่อย่างใด นาย ก จึงไม่มีความผิดฐานการกระทำโดยพลาดต่อนาย ค
การกระทำโดยพลาดนั้น ต้องเป็นการกระทำต่อบุคคลหนึ่งแต่พลาดไปโดนบุคคลอื่น หรือมุ่งกระทำต่อทรัพย์แต่พลาดไปโดนทรัพย์อื่นที่มิได้มุ่งกระทำต่อ เป็นต้น
ฐานะของบุคคล หรือเพราะความสัมพันธ์ระหว่างผู้กระทำกับบุคคลที่ได้รับผลร้าย มิให้นำกฏหมายนั้นมาใช้บังคับเพื่อลงโทษผู้กระทำให้หนักขึ้น
จากข้อเท็จจริงตามปัญหา การที่นาย ก ตั้งใจจะยิงนาย ข นับได้ว่า นาย ก มีเจตนาฆ่านาย ข เพราะนาย ก มีความตั้งใจและใช้อาวุธปืนซึ่งมีอานุภาพร้ายแรงสามารถทำให้ผู้ถูกยิงถึงแก่ความตายได้ซึ่งก็คือนาย ข
กระทำโดยเจตนานั้น กล่าวคือ ผู้กระทำได้กระทำโดยรู้สำนึกในการที่กระทำและในขณะเดียวกันผู้กระทำประสงค์ต่อผล หรือย่อมเล็งเห็นผลของการกระทำนั้น
แต่ปรากฏว่านาย ข หลบกระสุนปืนของนาย ก ทัน กระสุนได้พลาดไปโดนกระจกรถนาย ค ที่จอดอยู่ข้างทาง ดังนั้น
ในกรณีนี้จะเห็นได้ว่านาย ข มิได้ตายตามประสงค์ของนาย ก แต่อย่างใด นาย ก จึงมีความผิดเพียงฐานพยายฆ่านาย ข
สำหรับกรณีที่กระสุนได้พลาดไปโดนกระจกรถนาย ค ที่จอดอยู่ข้างทางนั้น กรณีนี้นาย ก จะไม่มีความผิดทางอาญาต่อนาย ค เพราะการกระทำโดยพลาดนั้นผลของการกระทำเกิดแก่อีกบุคคลหนึ่งโดยพลาดไป
จากข้อเท็จจริงที่ปรากฏอยู่นี้ กระสุนของนาย ก ได้พลาดไปโดนกระจกรถนาย ค มิใช่ร่างกายของนาย ค แต่อย่างใด นาย ก จึงไม่มีความผิดฐานการกระทำโดยพลาดต่อนาย ค
การกระทำโดยพลาดนั้น ต้องเป็นการกระทำต่อบุคคลหนึ่งแต่พลาดไปโดนบุคคลอื่น หรือมุ่งกระทำต่อทรัพย์แต่พลาดไปโดนทรัพย์อื่นที่มิได้มุ่งกระทำต่อ เป็นต้น
สรุป ด้วยเหตุผลและหลักกฏหมายดังที่ได้ปรับวินิจฉัยแล้วข้างต้น นาย ก มีความผิดฐานพยายามฆ่านาย ข
---
โจทย์ข้อ 2
นาง ก เชื่อว่านาย ข เป็นภูติผีปีศาจ แม้นาย ข จะตายไปแล้วก็กลัวว่าจะฟื้นคืนชีพมา จึงเอาตะปูไปตอกที่ศพและนำยันต์ไปปิดที่ตัวนาย ข เพราะไม่อยากให้ฟื้นคืนชีพมา ถามว่านาง ก มีความผิดหรือไม่
แนวตอบ
กรณีตามปัญหา ประมวลกฏหมายอาญาวางหลักไว้ว่า
(ม.81) ผู้ใดกระทำการโดยมุ่งต่อผลซึ่งกฎหมายบัญญัติเป็นความผิด แต่การกระทำนั้นไม่สามารถจะบรรลุผลได้อย่างแน่แท้ เพราะเหตุปัจจัยซึ่งใช้ในการกระทำหรือเหตุแห่งวัตถุที่มุ่งหมายกระทำต่อ ให้ถือว่าผู้นั้นพยายามกระทำความผิด แต่ให้ลงโทษไม่เกินกึ่งหนึ่งของโทษที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้น
ถ้าการกระทำดังกล่าวในวรรคแรกได้กระทำไปโดยความเชื่ออย่างงมงาย ศาลจะไม่ลงโทษก็ได้
จากข้อเท็จจริงตามปัญหา การที่นาง ก เชื่อว่านาย ข เป็นภูติผีปีศาจ แม้นาย ข จะตายไปแล้วก็กลัวว่าจะฟื้นคืนชีพมาจึงเอาตะปูไปตอกที่ศพและนำยันต์ไปปิดที่นาย ข เพราะไม่อยากให้ฟื้นคืนชีพมานั้น
จะเห็นได้ว่าการกระทำของนาง ก ด้วยการตอกตะปูที่ศพนั้นไม่ถือว่านาง ก มีเจตนาฆ่านาย ข แต่อย่างใด เพราะนาย ข ตายไปก่อนหน้านั้นแล้วและไม่เข้าหลักกฏหมายเหตุแห่งวัตถุมุ่งกระทำต่อแต่อย่างใด
ดังจะเห็นจากข้อเท็จจริงได้ว่า นาง ก มีความเชื่ออย่างงมงายว่านาย ข เป็นภูติผีปีศาจ กลัวว่านาย ข จะฟื้นจึงได้เอาตะปูไปตอกที่ศพและนำยันต์ไปปิดที่ตัวนาย ข ซึ่งเป็นศพอยู่
สรุป นาง ก จึงไม่มีความผิดฐานฆ่าคนตายแต่อย่างใด แต่อาจมีความผิดเกี่ยวกับศพได้ดังวินิจฉัยมาตามเบื้องต้น
---
โจทย์ข้อ 3
นายแดงทะเลาะกับนายเหลือง นายแดงจึงยุยงให้นายเขียวทำร้ายนายเหลือง โดยการพูดว่า "ตีมันเลย" ต่อมานายเขียวจึงทำร้ายนายเหลือง นายแดงอยู่ในที่เกิดเหตุด้วย แต่ไม่ได้ทำร้ายนายเหลือง มีเพียงนายเขียวที่ทำร้ายนายเหลือง ถามว่านายแดงต้องรับผิดหรือไม่ อย่างไร
แนวตอบ
กรณีตามปัญหา ประมวลกฏหมายอาญาวางหลักไว้ว่า
(ม.83) ในกรณีความผิดใดเกิดขึ้นโดยการกระทำของบุคคลตั้งแต่สองคนขึ้นไป ผู้ที่ได้ร่วมกระทำความผิดด้วยกันนั้นเป็นตัวการ ต้องระวาง โทษตามที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้น
จากข้อเท็จจริงตามปัญหา การที่นายแดงทะเลาะกับนายเหลือง นายแดงจึงยุยงให้นายเขียวทำร้ายนายเหลือง โดยการพูดว่า "ตีมันเลย" ต่อมานายเขียวจึงทำร้ายนายเหลือง นายแดงอยู่ในที่เกิดเหตุด้วย แต่ไม่ได้ทำร้ายนายเหลือง มีเพียงนายเขียวที่ทำร้ายนายเหลือง
จะเห็นได้ว่านายแดงและนายเขียวทั้งสองคนทะเลาะกับนายเหลืองอริฝ่ายตรงข้าม นับได้ว่านายแดงและนายเขียวเป็นตัวการโดยมีการกระทำของบุคคลตั้งแต่สองคนขึ้นไปแล้ว
แม้ข้อเท็จจริงจะปรากฏว่านายแดงได้พูดยุยงให้นายเขียวทำร้ายนายเหลืองด้วยการกล่าวว่า "ตีมันเลย" โดยที่ตนเองมิได้ร่วมทำร้ายนายเหลืองด้วยก็ตาม ก็ถือว่าทั้งนายแดงมีเจตนาร่วมกันกับนายเขียวกระทำความผิดคือทำร้ายร่างกายนายเหลืองแล้ว
สรุป ดังนั้นนายแดงต้องรับผิดฐานเป็นตัวการร่วมกันกับนายเขียวทำร้ายร่ายกายนายเหลืองดังวินิจฉัยมาแต่เบื้องต้น
---
ข้อสอบกฏหมายเป็นเรื่องของการดูข้อเท็จจริงจากโจทย์ จากนั้นเราต้องหาว่าบทบัญญัติใดๆที่ตรงกับข้อเท็จจริง เมื่อทราบแล้ว เราก็ยกบทบัญญัตินั้นๆมาเขียนในคำตอบท่อนแรก
ต่อจากนั้นนำบทบัญญัติมาวินิจฉัยสิครับ การวินิจฉัยคือการเขียนเรียบเรียงเรื่องราวให้เข้ากับบทบัญญัตินั่นเองครับ พูดง่ายๆก็คือ จะตอบอะไรแบบยกเมฆมามันไม่ได้ มันต้องมีหลักกฏหมายมาอ้างเสียก่อนยังไงล่ะครับ
ส่วนท่อนท้าย คือท่อนสรุป เป็นการฟันธงคำตอบครับ การตอบกฏหมายคล้ายๆกับการตัดสินคดีความของผู้พิพากษา คุณต้องตอบได้เพียง 2 ทางเลือกเท่านั้น ได้แก่ การกระทำตามข้อเท็จจริงตามโจทย์ ผิด หรือ ถูก ครับ
ดังนั้นก็ลองคิดดูครับว่าก่อนที่เราจะสอบผ่านนิติศาสตร์และนำความรู้ที่ได้ไปใช้ตัดสินคนอื่นๆนั้นเราจะต้องศึกษากันมากน้อยขนาดไหนล่ะครับ (คิดถึงอาชีพหมอเข้าใว้ เพราะมันจะคล้ายๆกันในด้านประกอบวิชาชีพ)
👉พี่เล้งมีคำแนะนำดังต่อไปนี้ครับ
✅ฝึกทำข้อสอบอัตนัยให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ (หาข้อสอบจากลิ้งค์ของบทความของพี่เล้งได้ที่นี่)
✅ทำความเข้าใจกฏหมายมาตราหลักๆของหมวดวิชากฏหมายให้ครอบคลุม
✅่่ขาดไม่ได้ เรียนกฏหมายจะต้องท่องมาตราให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ครับ
คำคมน่าคิด ช่วยสกิดให้เราเดินต่อไป
"กระแสน้ำไม่ไหลย้อนกลับเช่นไร วันเวลาก็เช่นเดียวกันฉันนั้น"
Time and Tide Wait for No man.
I'm here with you. Cheer up! / สู้สู้ ก็ยังไง!
ขอให้เพื่อนโชคดีได้ H กันทุกๆคนนะครับ
ช่วยกด Like กด Share จะได้ช่วยกันเผยแพร่ให้พวกๆเรากันเองครับ
ดูเรื่องอื่นเพิ่ม
ข้อ 3 ไม่ใช่มาตรา 84 หรอครับ
ตอบลบไม่ใช่มาตรา 84 ครับ เพราะว่าเป็นตัวการร่วม และนายแดงอยู่ร่วมกันกับนายเขียวในสถานที่เกิดเหตุด้วยที่สามารถเข้าช่วยเหลือผู้กระทำคนอื่นทันทีก็ได้
ลบหลักเกณฑ์ของการเป็น "ตัวการร่วม" คือ
1. มีบุคคลตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป > นายแดง + นายเขียว
2. ได้ร่วมกันกระทำความผิดด้วยกัน > นายแดงพูด นายเขียวตี
3. มีเจตนาที่จะร่วมกันกระทำความผิดนั้น > ทั้ง 2 คนมีเจตนาทำร้ายนายเหลือง
หวังว่าจะช่วยให้คุณ Pakorn เห็นภาพชัดขึ้นนะครับ