มาตราเน้น พา 1 มสธ สรุป อ่านง่าย เหมาะกับคนไม่ค่อยมีเวลา | เล้ง นิติศาสตร์ มสธ
พา 1 มสธ ดูมาตราเน้น แล้วเค้นเอาไปสอบ...
(มีโบนัสช่วงท้าย อย่าลืมล่ะ)
|
หน่วย 2 คำมั่น สัญญาซื้อขายเสร็จเด็ดขาด |
มาตรา 453 สัญญาซื้อขาย |
อันว่าซื้อขายนั้น
คือสัญญาซึ่งบุคคลฝ่ายหนึ่งเรียกว่า
ผู้ขายโอนกรรมสิทธิ์แห่งทรัพย์สินให้แก่บุคคลอีกฝ่ายหนึ่ง เรียกว่า
ผู้ซื้อและผู้ซื้อตกลงว่าจะใช้ราคาทรัพย์สินนั้นให้แก่ผู้ขาย |
มาตรา 454 ผลของการซื้อขาย |
การที่คู่กรณีฝ่ายหนึ่งให้คำมั่นไว้ก่อนว่าจะซื้อหรือขายนั้นจะมีผลเป็นการซื้อขายต่อเมื่ออีกฝ่ายหนึ่งได้บอกกล่าวความจำนงว่าจะทำการซื้อขายนั้นให้สำเร็จตลอดไป
และคำบอกกล่าว เช่นนั้นได้ไปถึงบุคคลผู้ให้คำมั่นแล้ว ถ้าในคำมั่นมิได้กำหนดเวลาไว้เพื่อการบอกกล่าวเช่นนั้นไซร้
ท่านว่าบุคคลผู้ให้คำมั่นจะกำหนดเวลาพอสมควร และบอกกล่าวไป
ยังคู่กรณีอีกฝ่ายหนึ่งให้ตอบมาเป็นแน่นอนภายในเวลากำหนดนั้น
ก็ได้ว่าจะทำการซื้อขายให้สำเร็จตลอดไปหรือไม่ ถ้าและไม่ตอบ
เป็นแน่นอนภายในกำหนดเวลานั้นไซร้ คำมั่นซึ่งได้ให้ไว้ก่อนนั้นก็ เป็นอันไร้ผล |
มาตรา 456 คำมั่นในการซื้อขายทรัพย์สิน |
การซื้อขายอสังหาริมทรัพย์
ถ้ามิได้ทำเป็นหนังสือ และจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ไซร้
ท่านว่าเป็นโมฆะวิธีนี้ให้
ใช้ถึงซื้อขายเรือกำปั่นหรือเรือมีระวางตั้งแต่หกตันขึ้นไป เรือกลไฟ
หรือเรือยนต์มีระวางตั้งแต่ห้าตันขึ้นไป ทั้งซื้อขายแพและสัตว์พาหนะด้วย อนึ่งสัญญาจะขายหรือจะซื้อทรัพย์สินอย่างใด
ๆ ดั่งว่ามานี้ก็ดี คำมั่นในการซื้อขายทรัพย์สินเช่นว่านั้นก็ดี
ถ้ามิได้มีหลักฐานเป็น
หนังสืออย่างหนึ่งอย่างใดลงลายมือชื่อฝ่ายผู้ต้องรับผิดเป็นสำคัญ
หรือได้วางประจำไว้หรือได้ชำระหนี้บางส่วนแล้ว
ท่านว่าจะฟ้องร้องให้บังคับคดีหาได้ไม่ บทบัญญัติที่กล่าวมาในวรรคก่อนนี้
ท่านให้ใช้บังคับถึงสัญญา ซื้อขายสังหาริมทรัพย์ซึ่งตกลงกันเป็นราคาห้าร้อยบาท
หรือกว่า นั้นขึ้นไปด้วย |
|
ü EX.
ฎีกาว่าการซื้อขายที่ดิน นส.3
ถ้าไม่ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียน เป็นโมฆะ ü สัตว์พาหนะ หมายถึง
ช้าง ม้า โค กระบือ ลา ล่อ แต่สัตว์เหล่านี้ต้องได้ทำตั๋วรูปพรรณแล้วเท่านั้น |
มาตรา 458 การโอนกรรมสิทธิ์ |
กรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินที่ขายนั้น
ย่อมโอนไปยังผู้ซื้อ ตั้งแต่ขณะเมื่อได้ทำสัญญาซื้อขายกัน |
|
ü กรรมสิทธิ์
แค่ตกลงซื้อขายกันก็ทำให้กรรมสิทธิ์ได้โอนไปแล้ว |
มาตรา 459 ข้อยกเว้นการโอนกรรมสิทธิ์ |
ถ้าสัญญาซื้อขายมีเงื่อนไข
หรือเงื่อนเวลาบังคับไว้ ท่านว่ากรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินยังไม่โอนไปจนกว่าการจะได้เป็นไป
ตามเงื่อนไข หรือถึงกำหนดเงื่อนไขเวลานั้น |
มาตรา 460 การซื้อขายทรัพย์สินซึ่งมิได้กำหนดลงไว้แน่นอนและทรัพย์สินเฉพาะสิ่ง |
ในการซื้อขายทรัพย์สินซึ่งมิได้กำหนดลงไว้แน่นอนนั้น
ท่านว่ากรรมสิทธิ์ยังไม่โอนไปจนกว่าจะได้หมาย หรือนับ ชั่ง ตวง วัด หรือคัดเลือก
หรือทำโดยวิธีอื่นเพื่อให้บ่งตัวทรัพย์สินนั้นออกเป็น แน่นอนแล้ว ในการซื้อขายทรัพย์สินเฉพาะสิ่ง
ถ้าผู้ขายยังจะต้องนับ ชั่ง ตวง วัดหรือทำการอย่างอื่น
หรือทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดอันเกี่ยวแก่ทรัพย์สิน
เพื่อให้รู้กำหนดราคาทรัพย์สินนั้นแน่นอน ท่านว่ากรรมสิทธิ์ยังไม่โอน
ไปยังผู้ซื้อจนกว่าการหรือสิ่งนั้นได้ทำแล้ว |
|
ü EX. มาตรา 460
ว.2 ก.ตกลงซื้อถั่วจาก ข.
ซึ่งมีอยู่กระสอบเดียว และวางอยู่หน้าร้านของ ข.ราคากิโลกรัมละ 5 บาท ดังนั้นกรรมสิทธิ์ในถั่วเหลืองกระสอบนั้นโอนมายัง ก.ตั้งแต่เมื่อใด ü ตอบ
เป็นการซื้อขายทรัพย์เฉพาะสิ่ง แต่กรรมสิทธิ์ในถั่วเหลืองยังไม่โอนมายัง
ก.จนกว่า ข.ชั่งถั่วในกระสอบนั้น
เพื่อรู้กำหนดราคาถั่วทั้งกระสอบเป็นการแน่นอนเสียก่อน |
|
หน่วย 3
หน้าที่และความรับผิดของผู้ขายและหน้าที่ของผู้ซื้อ |
มาตรา 461 ลักษณะการส่งมอบ |
ผู้ขายจำต้องส่งมอบทรัพย์สินซึ่งขายนั้นให้แก่ผู้ซื้อ |
มาตรา 465 การส่งมอบทรัพย์สินผิดจากที่ระบุไว้ในสัญญา |
ในการซื้อขายสังหาริมทรัพย์นั้น (1)
หากว่าผู้ขายส่งมอบทรัพย์สินน้อยกว่าที่ได้สัญญาไว้
ท่านว่า ผู้ซื้อจะปัดเสียไม่รับเอาเลยก็ได้ แต่ถ้าผู้ซื้อรับเอาทรัพย์สินนั้นไว้
ผู้ซื้อก็ต้องใช้ราคาตามส่วน (2)
หากว่าผู้ขายส่งมอบทรัพย์สินมากกว่าที่ได้สัญญาไว้
ท่านว่า ผู้ซื้อจะรับเอาทรัพย์สินนั้นไว้แต่เพียงตามสัญญา และนอกกว่านั้นปัด
เสียก็ได้ หรือจะปัดเสียทั้งหมดไม่รับเอาไว้เลยก็ได้ ถ้าผู้ซื้อรับเอา
ทรัพย์สินอันเขาส่งมอบเช่นนั้นไว้ทั้งหมด ผู้ซื้อก็ต้องใช้ราคาตามส่วน (3)
หากว่าผู้ขายส่งมอบทรัพย์สินตามที่ได้สัญญาไว้ระคนกับ
ทรัพย์สินอย่างอื่นอันมิได้รวมอยู่ในข้อสัญญาไซร้ ท่านว่าผู้ซื้อจะรับ
เอาทรัพย์สินไว้แต่ตามแต่ตามสัญญา และนอกกว่านั้นปัดเสียก็ได้
หรือจะปัดเสียทั้งหมดก็ได้ |
มาตรา 466 การส่งมอบทรัพย์สินผิดจากที่ระบุไว้ในสัญญา(อสังหาริมทรัพย์) |
ในการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์นั้น
หากว่าได้ระบุ จำนวนเนื้อที่ทั้งหมดไว้ และผู้ขายส่งมอบทรัพย์สินน้อยหรือมาก
ไปกว่าที่ได้สัญญาไซร้ท่านว่าผู้ซื้อจะปัดเสีย หรือจะรับเอาไว้และ
ใช้ราคาตามส่วนก็ได้ ตามแต่จะเลือก อนึ่ง
ถ้าขาดตกบกพร่องหรือล้ำจำนวนไม่เกินกว่าร้อยละห้าแห่ง
เนื้อที่ทั้งหมดอันได้ระบุไว้นั้นไซร้ ท่านว่าผู้ซื้อจำต้องรับเอาและใช้
ราคาตามส่วน แต่ว่าผู้ซื้ออาจจะเลิกสัญญาเสียได้ในเมื่อขาดตก
บกพร่องหรือล้ำจำนวนถึงขนาดซึ่งหากผู้ซื้อได้ทราบก่อนแล้วคงจะ
มิได้เข้าทำสัญญานั้น |
|
ü หมายเหตุ; มาตรา 466 ว.2 ถ้าหากขาดตกบกพร่องหรือส่งจำนวนเกินกว่าร้อยละ5
แห่งเนื้อที่ทั้งหมดอันได้ระบุไว้ ก็ไม่อยู่ในบังคับตามวรรค 2 ต้องบังคับตามวรรค 1 เท่านั้น |
มาตรา 467 อายุความฟ้องคดี |
ในข้อรับผิดเพื่อการที่ทรัพย์ขาดตกบกพร่องหรือล้ำจำนวนนั้น
ท่านห้ามมิให้ฟ้องคดีเมื่อพ้นกำหนดปีหนึ่งนับแต่เวลาส่งมอบ |
มาตรา 468 การยึดหน่วงจนกว่าจะใช้ราคา |
ถ้าในสัญญาไม่มีกำหนดเงื่อนเวลาให้ใช้ราคาไซร้
ผู้ขายชอบที่จะยึดหน่วงทรัพย์สินที่ขายไว้ได้จนกว่าจะใช้ราคา |
|
ü หมายเหตุ; สิทธิยึดหน่วง จะต้องใช้ก่อนที่มีการส่งมอบ
ถ้าส่งมอบไปแล้วผู้ซื้อไม่ชำระราคา ผู้ขายจะใช้สิทธิยึดหน่วงไม่ได้ |
มาตรา 470 ผลของการยึดหน่วงทรัพย์สินที่ขาย |
ถ้าผู้ซื้อผิดนัด ผู้ขายซึ่งได้ยึดหน่วงทรัพย์สินไว้
ตาม มาตราทั้งหลายที่กล่าวมาอาจจะใช้ทางแก้ต่อไปนี้ แทนทางแก้สามัญในการไม่ชำระหนี้ได้
คือมีจดหมายบอกกล่าวไปยังผู้ซื้อให้ใช้ราคากับทั้งค่าจับจ่ายเกี่ยวกับการภายในเวลาอันควร
ซึ่งต้องกำหนดลงไว้ในคำบอกกล่าวนั้นด้วย ถ้าผู้ซื้อละเลยเสียไม่ทำตามคำบอกกล่าว
ผู้ขายอาจนำทรัพย์สิน นั้นออกขายทอดตลาดได้
|
มาตรา 472 ลักษณะความรับผิดเพื่อชำรุดบกพร่อง |
ในกรณีที่ทรัพย์สินซึ่งขายนั้นชำรุดบกพร่องอย่าง
หนึ่งอย่างใดอันเป็นเหตุให้เสื่อมราคาหรือเสื่อมความเหมาะสมแก่
ประโยชน์อันมุ่งจะใช้เป็นปกติก็ดี ประโยชน์ที่มุ่งหมายโดยสัญญาก็ดี ท่านว่าผู้ขายต้องรับผิด ความที่กล่าวมาใน
มาตรานี้ ย่อมใช้ได้ ทั้งที่ผู้ขายรู้อยู่แล้วหรือ
ไม่รู้ว่าความชำรุดบกพร่องมีอยู่ |
|
ü หมายเหตุ; ผู้ขายต้องรับผิดในทรัพย์สินที่ชำรุดก่อนการขาย |
มาตรา 473 ข้อยกเว้นไม่ต้องรับผิดของผู้ขาย |
ผู้ขายย่อมไม่ต้องรับผิดในกรณีดั่งจะกล่าวต่อไปนี้คือ (1) ถ้าผู้ซื้อได้รู้อยู่แล้ว
แต่ในเวลาซื้อขายว่ามีความชำรุดบกพร่อง หรือควรจะได้รู้เช่นนั้น
หากได้ใช้ความระมัดระวังอันพึงคาดหมายได้ แต่วิญญูชน (2) ถ้าความชำรุดบกพร่องนั้น
เป็นอันเห็นประจักษ์แล้วในเวลา ส่งมอบและผู้ซื้อรับเอาทรัพย์สินนั้นไว้โดยมิได้อิดเอื้อน (3) ถ้าทรัพย์สินนั้นได้ขายทอดตลาด |
มาตรา 474 อายุความฟ้องคดี |
ในข้อรับผิดเพื่อชำรุดบกพร่องนั้น
ท่านห้ามมิให้ฟ้องคดีเมื่อพ้นเวลาปีหนึ่งนับแต่เวลาที่ได้พบเห็นความชำรุดบกพร่อง |
มาตรา 475 ลักษณะแห่งการรอนสิทธิ |
หากว่ามีบุคคลผู้ใดมาก่อการรบกวนขัดสิทธิของผู้ซื้อ
ในอันจะครองทรัพย์สินโดยปกติสุข เพราะบุคคลผู้นั้นมีสิทธิเหนือ
ทรัพย์สินที่ได้ซื้อขายกันนั้นอยู่ในเวลาซื้อขายก็ดี เพราะความผิดของ ผู้ขายก็ดี
ท่านว่าผู้ขายจะต้องรับผิดในผลอันนั้น |
|
ü การรอนสิทธิ หมายถึง
การที่ผู้มารบกวนสิทธิของผู้ซื้อนั้น จะต้องเป็นผู้มีสิทธิตามกฎหมาย
โดยเป็นผู้มีสิทธิเหนือทรัพย์สินที่ซื้อขายกันและต้องมีสิทธิดีกว่าผู้ขาย |
มาตรา 476 กรณีไม่ต้องรับผิดในการรอนสิทธิ |
ถ้าสิทธิของผู้ก่อการรบกวนนั้นผู้ซื้อรู้อยู่แล้วในเวลาซื้อขาย
ท่านว่าผู้ขายไม่ต้องรับผิด |
|
ü ผู้ซื้อรู้ถึงสิทธิของผู้รบกวนในเวลาซื้อขาย ü EX. ก.ซื้อรถยนต์มาจาก
ข. โดยรู้ว่า ข.ขโมยรถของ ค.มาขาย ค.มาเรียกร้องเอารถคืนจาก ก. โดย
ก.จะเรียกราคาคืนจาก ข.ไม่ได้ |
มาตรา 483 ข้อสัญญาว่าจะไม่ต้องรับผิด |
คู่สัญญาซื้อขายจะตกลงกันว่าผู้ขายจะไม่ต้องรับผิด
เพื่อความชำรุดบกพร่องหรือเพื่อการรอนสิทธิก็ได้ |
|
ü เช่นผู้ขายมีข้อตกลงว่าจะไม่ต้องรับผิดชอบในการรอนสิทธิ |
มาตรา 484 |
ข้อสัญญาว่าจะไม่ต้องรับผิดนั้น
ย่อมไม่คุ้มผู้ขาย ให้พ้นจากการต้องส่งเงินคืนตามราคา
เว้นแต่จะได้ระบุไว้เป็นอย่างอื่น |
มาตรา 485 ข้อสัญญาว่าจะไม่ต้องรับผิด |
ข้อสัญญาว่าจะไม่ต้องรับผิดนั้น
ไม่อาจคุ้มความรับผิด ของผู้ขายในผลของการอันผู้ขายได้กระทำไปเอง หรือผลแห่งข้อความจริงอันผู้ขายได้รู้อยู่และปกปิดเสีย |
|
ü EX. เช่น
ก.ตกลงซื้อที่ดินจาก ข. ข.รู้ดีว่าที่ดินของตนแปลงที่ตกลงขายให้ ก.นั้นได้ถูก
ค.ครอบครองปรปักษ์จนได้กรรมสิทธิ์ไปแล้ว ก็ไม่ยอมบอกความจริงดังกล่าวให้แก่
ก.ทราบ กลับตกลงกันว่า ข.ไม่ต้องรับผิดในการรอนสิทธิ์ (ม.483) ดังนี้ไม่ทำให้
ข.พ้นจากความรับผิดที่ต้องคืนราคาที่ดินแก่ ก.ได้ |
มาตรา 486 หน้าที่ต้องรับมอบทรัพย์สิน |
ผู้ซื้อจำต้องรับมอบทรัพย์สินที่ตนได้รับซื้อและใช้
ราคาตามข้อสัญญาซื้อขาย |
มาตรา 487 หน้าที่ต้องชำระราคา |
อันราคาทรัพย์สินที่ขายนั้นจะกำหนดลงไว้ในสัญญา
ก็ได้หรือจะปล่อยไปให้กำหนดกันด้วยวิธีอย่างใดอย่างหนึ่งดั่งได้
ตกลงกันไว้ในสัญญานั้นก็ได้ หรือจะถือเอาตามทางการที่คู่สัญญา
ประพฤติต่อกันอยู่นั้นก็ได้ ถ้าราคามิได้มีกำหนดเด็ดขาดอย่างใดดั่งว่ามานั้นไซร้
ท่านว่า ผู้ซื้อจะต้องใช้ราคาตามสมควร |
มาตรา 488 เมื่อผู้ซื้อพบเห็นความชำรุดบกพร่องในทรัพย์สินที่ซื้อ |
ถ้าผู้ซื้อพบเห็นความชำรุดบกพร่องในทรัพย์สินซึ่งตนได้รับซื้อ
ผู้ซื้อชอบที่จะยึดหน่วงราคาที่ยังไม่ได้ชำระไว้ได้ทั้งหมด หรือแต่บางส่วนเว้นแต่ผู้ขายจะหาประกันที่สมควรให้ได้ |
มาตรา 489 สิทธิยึดหน่วงเมื่อผู้ซื้อถูกผู้รับจำนองขู่ว่าจะฟ้องเป็นคดี |
ถ้าผู้ซื้อถูกผู้รับจำนองหรือบุคคลผู้เรียกร้องเอา
ทรัพย์สินที่ขายนั้นขู่ว่าจะฟ้องเป็นคดีขึ้นก็ดี หรือมีเหตุอันควรเชื่อว่า จะถูกขู่เช่นนั้นก็ดี
ผู้ซื้อก็ชอบที่จะยึดหน่วงราคาไว้ทั้งหมดหรือ
บางส่วนได้ดุจกันจนกว่าผู้ขายจะได้บำบัดภัยอันนั้นให้สิ้นไป หรือ
จนกว่าผู้ขายจะหาประกันที่สมควรให้ได้ |
|
ü ผู้ขายจะได้บำบัดภัยอันนั้นให้สิ้นไป หมายถึง
ผู้ขายไปทำความตกลงกับผู้รับจำนองว่าให้งดการฟ้องร้องผู้ซื้อไว้ก่อน ตนจะหาเงินมาชำระหนี้ให้ในภายหลัง |
มาตรา 498 บุคคลผู้มีหน้ามี่รับไถ่ |
สิทธิในการไถ่ทรัพย์สินนั้น
จะพึงใช้ได้เฉพาะต่อบุคคล เหล่านี้ คือ (1) ผู้ซื้อเดิม
หรือทายาทของผู้ซื้อเดิม หรือ (2) ผู้รับโอนทรัพย์สิน
หรือรับโอนสิทธิเหนือทรัพย์สินนั้น แต่ใน
ข้อนี้ถ้าเป็นสังหาริมทรัพย์จะใช้สิทธิได้ต่อเมื่อผู้รับโอนได้รู้ในเวลาโอน
ว่าทรัพย์สินตกอยู่ในบังคับแห่งสิทธิไถ่คืน |
|
หน่วย 9 เช่าทรัพย์ |
มาตรา 537 สัญญาเช่าทรัพย์ |
อันว่าเช่าทรัพย์สินนั้น
คือสัญญาซึ่งบุคคลคนหนึ่ง เรียกว่าผู้ให้เช่า ตกลงให้บุคคลอีกคนหนึ่ง
เรียกว่าผู้เช่าได้ใช้หรือ
ได้รับประโยชน์ในทรัพย์สินอย่างใดอย่างหนึ่งชั่วระยะเวลาอันมีจำกัด
และผู้เช่าตกลงจะให้ค่าเช่าเพื่อการนั้น |
|
ü หมายเหตุ; ผู้ให้เช่าไม่จำเป็นต้องเป็นเจ้าของทรัพย์สินที่ให้เช่า
แต่ต้องมีอำนาจในการนำทรัพย์สินออกให้เช่า |
มาตรา 538 หลักฐานการทำสัญญาเช่า |
เช่าอสังหาริมทรัพย์นั้น
ถ้ามิได้มีหลักฐานเป็นหนังสืออย่างหนึ่งอย่างใดลงลายมือชื่อฝ่ายที่ต้องรับผิดเป็นสำคัญ
ท่านว่าจะฟ้องร้องให้บังคับคดีหาได้ไม่ ถ้าเช่ามีกำหนดกว่าสามปีขึ้นไป
หรือกำหนดตลอดอายุของผู้เช่าหรือผู้ให้เช่าไซร้ หากมิได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่
ท่านว่าการเช่นนั้นจะฟ้องร้องให้บังคับคดีได้แต่เพียงสามปี
|
มาตรา 540 กำหนดเวลาเช่าอสังหาริมทรัพย์ |
อันอสังหาริมทรัพย์
ท่านห้ามมิให้เช่ากันเป็นกำหนด เวลาเกินกว่าสามสิบปี
ถ้าได้ทำสัญญากันไว้เป็นกำหนดเวลานาน กว่านั้นท่านก็ให้ลดลงมาเป็นสามสิบปี อนึ่ง
กำหนดเวลาเช่าดั่งกล่าวมานี้ เมื่อสิ้นลงแล้วจะต่อสัญญาอีก
ก็ได้แต่ต้องอย่าให้เกินสามสิบปีนับแต่วันต่อสัญญา |
|
ü ส่วนสังหาริมทรัพย์นั้นกฎหมายไม่ได้กำหนดอายุการเช่าทรัพย์ไว้
ดังนั้นจึงสามารถให้เช่าเกินกว่า 30 ปีได้ |
มาตรา 541 |
สัญญาเช่านั้นจะทำกันเป็นกำหนดว่าตลอดอายุของ
ผู้ให้เช่าหรือของผู้เช่าก็ให้ทำได้ |
|
ü อายุ หมายถึง
อายุของบุคคลธรรมดาไม่ใช่อายุของนิติบุคคล |
มาตรา 542 บุคคลหลายคนเรียกเอาสังหาริมทรัพย์อันเดียวกัน |
บุคคลหลายคนเรียกเอาสังหาริมทรัพย์อันเดียวกัน
อาศัยมูลสัญญาเช่าต่างราย ท่านว่าทรัพย์ตกไปอยู่ในครอบครองผู้เช่าคนใดก่อนด้วยสัญญาเช่าทรัพย์นั้น
คนนั้นมีสิทธิยิ่งกว่าคนอื่น ๆ |
มาตรา 543 บุคคลหลายคนเรียกเอาอสังหาริมทรัพย์อันเดียวกัน |
บุคคลหลายคนเรียกร้องเอาอสังหาริมทรัพย์อันเดียวกัน อาศัยมูลสัญญาเช่าต่างราย ท่านให้วินิจฉัยดั่งต่อไปนี้ (1) ถ้าการเช่านั้นเป็นประเภท
ซึ่งมิได้บังคับไว้โดยกฎหมายว่าต้อง จดทะเบียน
ท่านให้ถือว่าผู้เช่าซึ่งได้ทรัพย์สินไปไว้ในครอบครองก่อน
ด้วยสัญญาเช่าของตนนั้นมีสิทธิยิ่งกว่าคนอื่น ๆ (2) ถ้าการเช่าทุกๆรายเป็นประเภทซึ่งบังคับไว้โดยกฎหมายว่า
ต้องจดทะเบียน ท่านให้ถือว่าผู้เช่าซึ่งได้จดทะเบียนการเช่าของตน
ก่อนนั้นมีสิทธิยิ่งกว่าคนอื่นๆ (3) ถ้าการเช่ามีทั้งประเภทซึ่งต้องจดทะเบียนและประเภท
ซึ่ง ไม่ต้องจดทะเบียนตามกฎหมายยันกันอยู่ไซร้ ท่านว่าผู้เช่าคนที่ได้
จดทะเบียนการเช่าของตนนั้นมีสิทธิยิ่งกว่าเว้นแต่ผู้เช่าคนอื่นจะได้
ทรัพย์สินนั้นไปไว้ในครอบครองด้วยการเช่าของตนเสียก่อนวัน จดทะเบียนนั้นแล้ว |
มาตรา 544 สัญญาเช่าทรัพย์ถือเป็นสิทธิเฉพาะตัวของผู้เช่า(ไม่ตกทอดสู่ทายาท) |
ทรัพย์สินซึ่งเช่านั้น
ผู้เช่าจะให้เช่าช่วงหรือโอนสิทธิ ของตนอันมีในทรัพย์สินนั้นไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่บางส่วนให้แก่บุคคลภายนอก
ท่านว่าหาอาจทำได้ไม่ เว้นแต่จะได้ตกลงกันไว้เป็นอย่างอื่นในสัญญาเช่า ถ้าผู้เช่าประพฤติฝ่าฝืนบทบัญญัติอันนี้
ผู้ให้เช่าจะบอกเลิกสัญญาเสียก็ได้ |
|
ü สัญญาเช่าเป็นสิทธิเฉพาะตัว
ถ้าผู้เช่าตายสัญญาระงับ แต่ถ้าผู้ให้เช่าตายสัญญาไม่ระงับ |
มาตรา 545 ความรับผิดของผู้ให้เช่าช่วงกรณีเช่าช่วงโดยชอบ |
ถ้าผู้เช่าเอาทรัพย์สินซึ่งตนเช่าไปให้ผู้อื่นเช่าช่วงอีก
ทอดหนึ่งโดยชอบ ท่านว่าผู้เช่าช่วงย่อมต้องรับผิดต่อผู้ให้เช่าเดิม โดยตรง
ในกรณีเช่นว่านี้หากผู้เช่าช่วงจะได้ใช้ค่าเช่าให้แก่ผู้เช่า ไปก่อน ท่านว่าผู้เช่าช่วงหาอาจจะยกขึ้นเป็นข้อการต่อสู้ผู้ให้เช่าได้ไม่ อนึ่ง
บทบัญญัติอันนี้ไม่ห้ามการที่ผู้ให้เช่าจะใช้สิทธิของตนต่อผู้เช่า
|
|
ü EX. หากผู้ให้เช่าคิดค่าเช่ากับผู้เช่า
5000 บาทและผู้เช่าคิดค่าเช่ากับผู้เช่าช่วง 3000 บาท ถึงอย่างไรผู้ให้เช่าก็เรียกค่าเช่าจากผู้เช่าช่วงได้เพียง 3000
บาท แต่หากว่าผู้ให้เช่าคิดราคาค่าเช่าจากผู้เช่า 3000 บาทและผู้เช่าคิดจากผู้เช่าช่วง 5000 บาท
ผู้ให้เช่าสามารถเรียกค่าเช่าจากผู้เช่าช่วงได้ 3000 บาทเท่านั้น |
มาตรา 546 การส่งมอบทรัพย์สินที่เช่า |
ผู้ให้เช่าจำต้องส่งมอบทรัพย์สินซึ่งให้เช่านั้นในสภาพ
อันซ่อมแซมดีแล้ว |
มาตรา 547 การชดใช้ค่าใช้จ่ายแก่ผู้เช่า |
ผู้เช่าต้องเสียค่าใช้จ่ายไปโดยความจำเป็นและสมควร
เพื่อรักษาทรัพย์สินซึ่งเช่านั้นเท่าใด ผู้ให้เช่าจำต้องชดใช้ให้แก่ผู้เช่า
เว้นแต่ค่าใช้จ่ายเพื่อบำรุงรักษาตามปกติและเพื่อซ่อมแซมเพียงเล็กน้อย |
มาตรา 548
|
ถ้าผู้ให้เช่าส่งมอบทรัพย์สินซึ่งเช่านั้นโดยสภาพ
ไม่เหมาะแก่การที่จะใช้เพื่อประโยชน์ที่เช่ามา ผู้เช่าจะบอกเลิก สัญญาเสียก็ได้ |
มาตรา 549 กรณีทรัพย์สินที่เช่าชำรุดบกพร่อง |
การส่งมอบทรัพย์สินซึ่งเช่าก็ดี
ความรับผิดของผู้ให้เช่าในกรณีชำรุดบกพร่องและรอนสิทธิก็ดี
ผลแห่งข้อสัญญาว่าจะไม่ต้องรับผิดก็ดี
เหล่านี้ท่านให้บังคับด้วยบทบัญญัติทั้งหลายแห่งประมวลกฎหมายนี้
ว่าด้วยการซื้อขายอนุโลมความตามควร |
มาตรา 550 ความรับผิดของผู้ให้เช่าในความชำรุดบกพร่อง |
ผู้ให้เช่าย่อมต้องรับผิดในความชำรุดบกพร่องอันเกิดขึ้นในระหว่างเวลาเช่า
และผู้ให้เช่าต้องจัดการซ่อมแซมทุกอย่างบรรดาซึ่งเป็นการจำเป็นขึ้น
เว้นแต่การซ่อมแซมชนิดซึ่งมีกฎหมายหรือจารีตประเพณีว่าผู้เช่าจะพึงต้องทำเอง |
มาตรา 551 การบอกกล่าวให้ผู้ให้เช่าจัดการแก้ไขความชำรุดบกพร่อง |
ถ้าความชำรุดบกพร่องแห่งทรัพย์สินที่เช่านั้นไม่เป็น
เหตุถึงแก่ผู้เช่าจะต้องปราศจากการใช้และประโยชน์ และผู้ให้เช่ายัง แก้ไขได้ไซร้
ผู้เช่าต้องบอกกล่าวแก่ผู้ให้เช่าให้จัดการแก้ไขความ ชำรุดบกพร่องนั้นก่อน
ถ้าถ้าและผู้ให้เช่าไม่จัดทำให้คืนดีภายในเวลา อันสมควร
ผู้เช่าจะบอกเลิกสัญญาเสียก็ได้ หากว่าความชำรุด
บกพร่องนั้นร้ายแรงถึงสมควรจะทำเช่นนั้น |
|
หน่วย 10 เช่าทรัพย์ |
มาตรา 552 การใช้ทรัพย์สินที่เช่า |
อันผู้เช่าจะใช้ทรัพย์สินที่เช่าเพื่อการอย่างอื่นนอกจาก
ที่ใช้กันตามประเพณีนิยมปกติ หรือการดั่งกำหนดไว้ในสัญญานั้น
ท่านว่าหาอาจจะทำได้ไม่ |
มาตรา 553 การสงวนทรัพย์สินที่เช่า |
ผู้เช่าจำต้องสงวนทรัพย์สินที่เช่านั้นเสมอกับที่วิญญูชน
จะพึงสงวนทรัพย์สินของตนเอง และต้องบำรุงรักษาทั้งทำการซ่อมแซม เล็กน้อยด้วย |
มาตรา 555 การให้ผู้ให้เช่าหรือตัวแทนเข้าตรวจทรัพย์สิน |
ผู้เช่าจำต้องยอมให้ผู้ให้เช่าหรือตัวแทนของผู้ให้เช่า
เข้าตรวจดูทรัพย์สินที่เช่าเป็นครั้งคราว ในเวลาและระยะอันสมควร |
มาตรา 556 กรณีมีเหตุที่ผู้ให้เช่าต้องซ่อมแซมทรัพย์สินโดยเร่งร้อน |
ถ้าในระหว่างเวลาเช่ามีเหตุจะต้องซ่อมแซมทรัพย์สิน
ซึ่งเช่นนั้นเป็นการเร่งร้อน และผู้ให้เช่าประสงค์จะทำการอันจำเป็นเพื่อ
ที่จะซ่อมแซมเช่นว่านั้นไซร้ ท่านว่าผู้เช่าจะไม่ยอมให้ทำนั้นไม่ได้ แม้ถึง
ว่าการนั้นจะเป็นความไม่สะดวกแก่ตน ถ้าการซ่อมแซมเป็นสภาพซึ่ง
ต้องกินเวลานานเกินสมควร จนเป็นเหตุให้ทรัพย์สินนั้นไม่เหมาะแก่การ ที่จะใช้เพื่อประโยชน์ที่เช่ามา
ผู้เช่าจะบอกเลิกสัญญาเสียก็ได้ |
มาตรา 557 กรณีที่ผู้เช่าต้องแจ้งเหตุให้ผู้ให้เช่าโดยพลัน |
ในกรณีอย่างใด ๆ
ดั่งจะกล่าวต่อไปนี้ คือ (1) ถ้าทรัพย์สินที่เช่านั้นชำรุดควรที่ผู้ให้เช่าจะต้องซ่อมแซมก็ดี (2) ถ้าจะต้องจัดการอย่างหนึ่งอย่างใด
เพื่อปัดป้องภยันตราย แก่ทรัพย์สินนั้นก็ดี (3) ถ้าบุคคลภายนอกรุกล้ำเข้ามาในทรัพย์สินที่เช่า
หรือเรียกร้อง สิทธิอย่างใดอย่างหนึ่งเหนือทรัพย์สินนั้นก็ดี ในเหตุดั่งกล่าวนั้นให้ผู้เช่าแจ้งเหตุแก่ผู้ให้เช่าโดยพลัน
เว้นแต่ผู้ ให้เช่าจะได้ทราบเหตุนั้นอยู่ก่อนแล้ว ถ้าผู้เช่าละเลยเสียไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัตินี้ไซร้
ท่านว่าผู้เช่า จะต้องรับผิดต่อผู้ให้เช่าในเมื่อผู้ให้เช่าต้องเสียหายอย่างใด ๆ
เพราะ ความละเลยชักช้าของผู้เช่านั้น |
มาตรา 558 กรณีผู้เช่าดัดแปลงหรือต่อเติมทรัพย์สินที่เช่า |
อันทรัพย์สินที่เช่านั้น
ถ้ามิได้รับอนุญาตของผู้ให้เช่า ก่อน
ผู้เช่าจะทำการดัดแปลงหรือต่อเติมอย่างหนึ่งอย่างใดหาได้ไม่
ถ้าและผู้เช่าทำไปโดยมิได้รับอนุญาตของผู้ให้เช่าเช่นนั้นไซร้ เมื่อผู้
ให้เช่าเรียกร้อง ผู้เช่าจะต้องทำให้ทรัพย์สินนั้นกลับคืนคงสภาพเดิม
ทั้งจะต้องรับผิดต่อผู้ให้เช่าในความสูญหายหรือบุบสลายอย่างใด ๆ
อันเกิดแต่การดัดแปลงต่อเติมนั้นด้วย |
มาตรา 560 การบอกเลิกสัญญากรณีผู้เช่าไม่ชำระค่าเช่า |
ถ้าผู้เช่าไม่ชำระค่าเช่าผู้ให้เช่าจะบอกเลิกสัญญาเสียก็ได้ แต่ถ้าค่าเช่านั้นจะพึงส่งเป็นรายเดือน
หรือส่งเป็นระยะเวลายาว กว่ารายเดือนขึ้นไป
ผู้ให้เช่าต้องบอกกล่าวแก่ผู้เช่าก่อนว่าให้ชำระค่า เช่าภายในเวลาใด
ซึ่งพึงกำหนดอย่าให้น้อยกว่าสิบห้าวัน |
มาตรา 561 บทสันนิษฐานตามกฎหมายว่าผู้เช่าได้ทรัพย์สินที่เช่าในสภาพที่ซ่อมแซมดีแล้ว |
ถ้ามิได้ทำหนังสือลงลายมือชื่อของคู่สัญญาแสดงไว้
ต่อกันว่าทรัพย์สินที่ให้เช่ามีสภาพเป็นอย่างไร ท่านให้สันนิษฐานไว้
ก่อนว่าผู้เช่าได้รับทรัพย์สินที่เช่านั้นไปโดยสภาพอันซ่อมแซมดีแล้ว
และเมื่อสัญญาได้เลิกหรือระงับลง ผู้เช่าก็ต้องส่งคืนทรัพย์สินในสภาพ เช่นนั้น
เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าทรัพย์สินนั้นมิได้ซ่อมแซมไว้ดีในขณะที่ส่งมอบ |
|
ü บทสันนิษฐานตามกฎหมายผู้เช่าต้องส่งมอบทรัพย์สินที่เช่าในสภาพที่ซ่อมแซมดีแล้วเช่นกัน |
มาตรา 562 ความรับผิดของผู้เช่าในความสูญหายหรือบุบสลาย |
ผู้เช่าจะต้องรับผิดในความสูญหายหรือบุบสลาย
อย่างใด ๆ อันเกิดขึ้นแก่ทรัพย์สินที่เช่า เพราะความผิดของผู้เช่าเอง
หรือของบุคคลซึ่งอยู่กับผู้เช่าหรือของผู้เช่าช่วง แต่ผู้เช่าไม่ต้องรับผิดในความสูญหายหรือบุบสลายอันเกิดแต่การใช้ทรัพย์สินนั้นโดยชอบ |
มาตรา 563 อายุความฟ้องคดี |
คดีอันผู้ให้เช่าจะฟ้องผู้เช่าเกี่ยวแก่สัญญาเช่านั้นท่าน
ห้ามมิให้ฟ้องเมื่อพ้นกำหนดหกเดือนนับแต่วันส่งคืนทรัพย์สินที่เช่า
|
มาตรา 567 กรณีทรัพย์สินซึ่งให้เช่าสูญหายไปทั้งหมด |
ถ้าทรัพย์สินซึ่งให้เช่าสูญหายไปทั้งหมดไซร้
ท่านว่าสัญญาเช่าก็ย่อมระงับไปด้วย |
มาตรา 568 กรณีทรัพย์สินซึ่งให้เช่าสูญหายไปเพียงบางส่วน |
ถ้าทรัพย์สินซึ่งให้เช่าสูญหายไปแต่เพียงบางส่วนและ
มิได้เป็นเพราะความผิดของผู้เช่า ท่านว่าผู้เช่าจะเรียกให้ลดค่าเช่าลง
ตามส่วนที่สูญหายก็ได้ ในกรณีเช่นนี้
ถ้าผู้เช่าไม่สามารถใช้สอยทรัพย์สินส่วนที่ยังคงเหลือ
อยู่นั้นสำเร็จประโยชน์ได้ดั่งที่ได้มุ่งหมายเข้าทำสัญญาเช่าไซร้ ท่านว่า
ผู้เช่าจะบอกเลิกสัญญาเสียก็ได้ |
มาตรา 569 การโอนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินซึ่งให้เช่า |
อันสัญญาเช่าอสังหาริมทรัพย์นั้นย่อมไม่ระงับไป
เพราะเหตุโอนกรรมสิทธิ์ทรัพย์สินซึ่งให้เช่า ผู้รับโอนย่อมรับไปทั้งสิทธิและหน้าที่ของผู้โอนซึ่งมีต่อผู้เช่านั้นด้วย |
|
ü ผู้รับโอนจะต้องผูกพันตามสิทธิและหน้าที่ตามสัญญาเดิมที่ผู้โอนกับผู้เช่ามีต่อกัน
โดยถือเสมือนว่าผู้รับโอนได้เข้ามาแทนที่ผู้โอนในการเป็นผู้ให้เช่าแทนผู้โอน |
มาตรา 570 กรณีการครองทรัพย์สินที่เช่าเมื่อสิ้นกำหนดเวลาเช่า |
ในเมื่อสิ้นกำหนดเวลาเช่าซึ่งได้ตกลงกันไว้นั้น
ถ้า ผู้เช่ายังคงครองทรัพย์สินอยู่ และผู้ให้เช่ารู้ความนั้นแล้วไม่ทักท้วงไซร้
ท่านให้ถือว่าคู่สัญญาเป็นอันได้ทำสัญญาใหม่ต่อไปไม่มีกำหนดเวลา |
|
ü แต่ถ้าผู้ให้เช่าทักท้วง
ย่อมทำให้สัญญาเช่าไม่ได้ต่อใหม่แบบไม่มีกำหนดเวลา |
|
หน่วย 12 จ้างแรงงาน |
มาตรา 575 ลักษณะของสัญญาจ้างแรงงาน |
อันว่าจ้างแรงงานนั้น
คือสัญญาซึ่งบุคคลคนหนึ่ง เรียกว่าลูกจ้าง ตกลงจะทำงานให้แก่บุคคลอีกคนหนึ่ง
เรียกว่านายจ้างและนายจ้างตกลงจะให้สินจ้างตลอดเวลาที่ทำงานให้ |
|
ü สัญญาจ้างแรงงานมีลักษณะเฉพาะ
3 ประการคือ 1.
เป็นสัญญาต่างตอบทน 2.
เป็นสัญญาไม่มีแบบ 3.
เป็นสัญญาเฉพาะตัว |
มาตรา 576 |
ถ้าตามพฤติการณ์ไม่อาจจะคาดหมายได้ว่างานนั้น
จะพึงทำให้เปล่าไซร้ ท่านย่อมถือเอาโดยปริยายมีคำมั่นจะให้สินจ้าง |
มาตรา 577 เป็นสัญญาเฉพาะตัว |
นายจ้างจะโอนสิทธิของตนให้แก่บุคคลภายนอกก็ได้
เมื่อลูกจ้างยินยอมพร้อมใจด้วย ลูกจ้างจะให้บุคคลภายนอกทำงานแทนตนก็ได้
เมื่อนายจ้างยินยอมพร้อมใจด้วย ถ้าคู่สัญญาฝ่ายใดทำการฝ่าฝืนบทบัญญัตินี้
คู่สัญญาอีกฝ่ายหนึ่ง จะบอกเลิกสัญญาเสียก็ได้ |
มาตรา 578 ลูกจ้ารับรองว่าตนเป็นผู้มีฝีมือพิเศษแต่ปรากฏว่าไร้ฝีมือ |
ถ้าลูกจ้างรับรองโดยแสดงออกชัดหรือโดยปริยาย
ว่าตนเป็นผู้มีฝีมือพิเศษ หากมาปรากฏว่าไร้ฝีมือเช่นนั้นไซร้ ท่านว่านายจ้างชอบที่จะบอกเลิกสัญญาเสียได้ |
มาตรา 579 ลูกจ้างขาดงานไปโดยมีเหตุอันควร |
การที่ลูกจ้างขาดงานไปโดยเหตุอันสมควร
และชั่วระยะเวลาน้อยพอสมควรนั้น ท่านว่าไม่ทำให้นายจ้างมีสิทธิบอกเลิกสัญญาได้ |
มาตรา 580
|
ถ้าไม่มีกำหนดโดยสัญญาหรือจารีตประเพณีว่าจะ
พึงจ่ายสินจ้างเมื่อไร ท่านว่าพึงจ่ายเมื่องานได้ทำแล้วเสร็จ ถ้าการ
จ่ายสินจ้างนั้นได้กำหนดกันไว้เป็นระยะเวลา ก็ให้พึงจ่ายเมื่อสุด
ระยะเวลาเช่นนั้นทุกคราวไป |
มาตรา 581 การบอกเลิกสัญญาจ้างงานที่ไม่มีกำหนดระยะเวลาการจ้างแน่นอน |
ถ้าระยะเวลาที่ได้ตกลงว่าจ้างกันนั้นสุดสิ้นลงแล้ว
ลูกจ้างยังคงทำงานอยู่ต่อไปอีกและนายจ้างรู้ดั่งนั้นก็ไม่ทักท้วงไซร้
ท่านให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าคู่สัญญาเป็นอันได้ทำสัญญาจ้างกันใหม่
โดยความอย่างเดียวกันกับสัญญาเดิม แต่คู่สัญญาฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
อาจจะเลิกสัญญาเสียได้ด้วยการบอกกล่าวตามความใน มาตรา ต่อไปนี้ |
มาตรา 582 การบอกเลิกสัญญาโดยการบอกกล่าวล่วงหน้า |
ถ้าคู่สัญญาไม่ได้กำหนดลงไว้ในสัญญาว่าจะจ้างกัน
นานเท่าไร ท่านว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะเลิกสัญญาด้วยการบอกกล่าว ล่วงหน้า
ในเมื่อถึงหรือก่อนจะถึงกำหนดจ่ายสินจ้างคราวใดคราวหนึ่ง
เพื่อให้เป็นผลเลิกสัญญากันเมื่อถึงกำหนดจ่ายสินจ้างคราวถัดไปข้าง
หน้าก็อาจทำได้ แต่ไม่จำต้องบอกกล่าวล่วงหน้ากว่าสามเดือน อนึ่ง
ในเมื่อบอกกล่าวดั่งว่านี้ นายจ้างจะจ่ายสินจ้างแต่ลูกจ้างเสีย ให้ครบจำนวนที่จะต้องจ่ายจนถึงเวลาเลิกสัญญาตามกำหนดที่บอก
กล่าวนั้นทีเดียวแล้วปล่อยลูกจ้างจากงานเสียในทันที ก็อาจทำได้ |
มาตรา 583 สิทธิและหน้าที่ของนายจ้างกรณีเลิกจ้างหรือไล่ลูกจ้างออกจากงาน |
ถ้าลูกจ้างจงใจขัดคำสั่งของนายจ้างอันชอบด้วย
กฎหมายก็ดี หรือละเลยไม่นำพาต่อคำสั่งเช่นว่านั้นเป็นอาจิณก็ดี
ละทิ้งการงานไปเสียก็ดี กระทำความผิดอย่างร้ายแรงก็ดี หรือ
ทำประการอื่นอันไม่สมแก่การปฏิบัติหน้าที่ของตนให้ลุล่วงไปโดย
ถูกต้องและสุจริตก็ดี ท่านว่านายจ้างจะไล่ออกโดยมิพักต้องบอก กล่าวล่วงหน้า
หรือให้สินไหมทดแทนก็ได้ |
มาตรา 584 สัญญาจ้างระงับเพราะความมรณะของนายจ้าง |
ถ้าจ้างแรงงานรายใดมีสาระสำคัญอยู่ที่ตัวบุคคล
ผู้เป็นนายจ้าง ท่านว่าสัญญาจ้างเช่นนั้นย่อมระงับไปด้วยมรณะ แห่งนายจ้าง |
มาตรา 585 ใบรับรองงาน |
เมื่อการจ้างแรงงานสุดสิ้นลงแล้ว
ลูกจ้างชอบที่จะได้รับใบสำคัญ แสดงว่าลูกจ้างนั้นได้ทำงานมานานเท่าไรและงานที่ทำนั้นเป็นงานอย่างไร |
มาตรา 586 ค่าเดินทางเมื่อการจ้างสิ้นสุดลง |
ถ้าลูกจ้างเป็นผู้ซึ่งนายจ้างได้จ้างเอามาแต่ต่างถิ่น
โดยนายจ้างออกเงินค่าเดินทางให้ไซร้ เมื่อการจ้างแรงงานสุดสิ้นลง
และถ้ามิได้กำหนดกันไว้เป็นอย่างอื่นในสัญญาแล้ว ท่านว่านายจ้างจำต้องใช้เงินค่าเดินทางขากลับให้
แต่จะต้องเป็นดั่งต่อไปนี้ คือ (1) สัญญามิได้เลิกหรือระงับ
เพราะการกระทำหรือความผิดของ ลูกจ้างและ (2) ลูกจ้างกลับไปยังถิ่นที่ได้จ้างเอามาภายในเวลาอันสมควร |
|
ü หมายเหตุ; ถ้าลูกจ้างเดินทางมาเองนายจ้างไม่ต้องใช้เงินค่าเดินทางขากลับให้ |
|
หน่วย 13 จ้างทำของ |
มาตรา 587 สัญญาจ้างทำของ |
อันว่าจ้างทำของนั้น
คือสัญญาซึ่งบุคคลคนหนึ่ง เรียกว่าผู้รับจ้าง
ตกลงจะทำการงานสิ่งใดสิ่งหนึ่งจนสำเร็จให้แก่ บุคคลอีกคนหนึ่งเรียกว่าผู้ว่าจ้าง
และผู้ว่าจ้างตกลงจะให้สินจ้างเพื่อ ผลสำเร็จแห่งการที่ทำนั้น
|
|
สาระสำคัญของสัญญาจ้างทำของมีดังนี้ 1.
เป็นสัญญาต่างตอบแทน 2.
เป็นสัญญาที่มุ่งถึงความสำเร็จของการงานที่ว่าจ้าง 3.
เป็นสัญญาที่ไม่มีแบบ
คือเป็นสัญญาซึ่งเพียงคู่กรณีตกลงกันก็บังคับกันได้ 4.
ผู้ว่าจ้างไม่มีอำนาจบังคับบัญชาผู้รับจ้าง
แต่มีสิทธิตรวจตรางานที่ว่าจ้างตลอดเวลา EX. สัญญาทนายความเป็นสัญญาจ้างทำของ |
มาตรา 588 การจัดหาเครื่องมือในการทำงานและสัมภาระ |
เครื่องมือต่าง ๆ
สำหรับใช้ทำการงานให้สำเร็จนั้น ผู้รับจ้างเป็นผู้จัดหา |
มาตรา 589 |
ถ้าสัมภาระสำหรับทำการงานที่กล่าวนั้นผู้รับจ้าง
เป็นผู้จัดหา ท่านว่าต้องจัดหาชนิดที่ดี |
|
ü สัมภาระ เช่น
ไม้ หิน ปูน ทราย ในมาตรานี้ไม่ได้บังคับว่าผู้รับจ้างจะต้องเป็นผู้จัดหาสัมภาระ
ดังนั้นผู้ว่าจ้างจะจัดหามาก็ได้ แต่ถ้าผู้รับจ้างจัดหามาก็จะต้องจัดหาชนิดที่ดีเท่านั้น |
มาตรา 590 |
ถ้าสัมภาระนั้นผู้ว่าจ้างเป็นผู้จัดหามาส่ง
ท่านให้ผู้ รับจ้างใช้สัมภาระด้วยความระมัดระวัง และประหยัดอย่าให้เปลือง
เสียเปล่า เมื่อทำการงานสำเร็จแล้ว มีสัมภาระเหลืออยู่ก็ให้คืนแก่ ผู้ว่าจ้าง |
มาตรา 591 ความรับผิดเพื่อความชำรุดบกพร่อง |
ถ้าความชำรุดบกพร่องหรือความชักช้าในการที่ทำ
นั้นเกิดขึ้นเพราะสภาพแห่งสัมภาระซึ่งผู้ว่าจ้างส่งให้ก็ดี เพราะคำสั่ง
ของผู้ว่าจ้างก็ดี ท่านว่าผู้รับจ้างไม่ต้องรับผิด เว้นแต่จะได้รู้อยู่แล้ว
ว่าสัมภาระนั้นไม่เหมาะ หรือว่าคำสั่งนั้นไม่ถูกต้องและมิได้บอกกล่าว ตักเตือน |
มาตรา 592 การยอมให้ผู้ว่าจ้างหรือตัวแทนตรวจตรางานที่ทำ |
ผู้รับจ้างจำต้องยอมให้ผู้ว่าจ้างหรือตัวแทนของ
ผู้ว่าจ้างตรวจตราการงานได้ตลอดเวลาที่ทำอยู่นั้น |
มาตรา 593 ผู้ว่าจ้างบอกเลิกสัญญาว่าจ้างทำของ |
ถ้าผู้รับจ้างไม่เริ่มทำการในเวลาอันควร
หรือทำการ ชักช้าฝ่าฝืนข้อกำหนดแห่งสัญญาก็ดี หรือทำการชักช้าโดยปราศจาก
ความผิดของผู้ว่าจ้าง จนอาจคาดหมายล่วงหน้าได้ว่าการนั้นจะไม่
สำเร็จภายในกำหนดเวลาที่ได้ตกลงกันไว้ก็ดี ผู้ว่าจ้างชอบที่จะเลิก สัญญาเสียได้
มิพักต้องรอคอยให้ถึงกำหนดส่งมอบของนั้นเลย |
มาตรา 594 ความชำรุดบกพร่องอาจเกิดขึ้นในขณะที่ทำการงานยังไม่เสร็จสมบูรณ์ได้ |
ถ้าในระหว่างเวลาที่ทำการอยู่นั้นเป็นวิสัยจะคาด
หมายล่วงหน้าได้แน่นอนว่า การที่ทำนั้นจะสำเร็จอย่างบกพร่องหรือ
จะเป็นไปในทางอันฝ่าฝืนข้อสัญญาเพราะความผิดของผู้รับจ้างไซร้
ผู้ว่าจ้างจะบอกกล่าวให้ผู้รับจ้างแก้ไขสิ่งที่บกพร่องให้คืนดี หรือทำการ
ให้เป็นไปตามสัญญา ภายในเวลาอันสมควรซึ่งกำหนดให้ในคำบอก กล่าวนั้นก็ได้
ถ้าและคลาดกำหนดนั้นไปท่านว่าผู้ว่าจ้างชอบที่จะ
เอาการนั้นให้บุคคลภายนอกซ่อมแซม หรือทำต่อไปได้ซึ่งผู้รับจ้าง
จะต้องเสี่ยงความเสียหายและออกค่าใช้จ่ายทั้งสิ้น |
มาตรา 595 |
ถ้าผู้รับจ้างเป็นผู้จัดหาสัมภาระไซร้
ความรับผิด ของผู้รับจ้างในการบกพร่องนั้น ท่านให้บังคับด้วยบทแห่งประมวล
กฎหมายนี้ลักษณะซื้อขาย |
มาตรา 596 การส่งมอบงานให้ทันเวลา |
ถ้าผู้รับจ้างส่งมอบการที่ทำไม่ทันเวลาที่ได้กำหนด
ไว้ในสัญญาก็ดี หรือถ้าไม่ได้กำหนดเวลาไว้ในสัญญา เมื่อล่วงพ้นเวลา
อันควรแก่เหตุก็ดี ผู้ว่าจ้างชอบที่จะได้ลดสินจ้างลง หรือถ้าสาระ
สำคัญแห่งสัญญาอยู่ที่เวลาก็ชอบที่จะเลิกสัญญาได้ |
มาตรา 597 ถ้าผู้ว่าจ้างยอมรับมอบงานที่ทำล่าช้าโดยไม่อิดเอื้อน |
ถ้าผู้ว่าจ้างยอมรับมอบการที่ทำนั้นแล้วโดยมิได้
อิดเอื้อน ผู้รับจ้างก็ไม่ต้องรับผิดเพื่อการที่ส่งมอบเนิ่นช้า |
มาตรา 598 |
ถ้าผู้ว่าจ้างยอมรับมอบการที่ทำนั้นแล้วทั้งชำรุด
บกพร่องมิได้อิดเอื้อนโดยแสดงออกชัดหรือโดยปริยาย ผู้รับจ้างก็ ไม่ต้องรับผิด
เว้นแต่ความชำรุดบกพร่องนั้นเป็นเช่นจะไม่พึงพบ ได้ในขณะเมื่อรับมอบ
หรือผู้รับจ้างได้ปิดบังความนั้นเสีย |
มาตรา 599 |
ในกรณีที่ส่งมอบเนิ่นช้าไปก็ดี
หรือส่งมอบการที่ทำ ชำรุดบกพร่องก็ดี
ท่านว่าผู้ว่าจ้างชอบที่จะยึดหน่วงสินจ้างไว้ได้
เว้นแต่ผู้รับจ้างจะให้ประกันตามสมควร |
มาตรา 600 |
ถ้ามิได้กำหนดไว้เป็นอย่างอื่นในสัญญาไซร้
ท่านว่า ผู้รับจ้างจะต้องรับผิด เพื่อการที่ทำชำรุดบกพร่องเพียงแต่ที่ปรากฏขึ้นภายในปีหนึ่งนับแต่วันส่งมอบ
หรือที่ปรากฏขึ้นภายในห้าปี ถ้าการที่ทำนั้นเป็นสิ่งปลูกสร้างกับพื้นดิน
นอกจากเรือนโรงทำด้วยเครื่องไม้ แต่ข้อจำกัดนี้ท่านมิให้ใช้บังคับ
เมื่อปรากฏว่าผู้รับจ้างได้ปิดบัง ความชำรุดบกพร่องนั้น |
|
ü หมายเหตุ; สิ่งปลูกสร้างกับพื้นดิน
ถ้าปลูกเรือนไทยกลางสระน้ำไม่ถือว่าปลูกอยู่กับพื้นดิน ต้องฟ้องภายใน 1ปีนับแต่ส่งมอบ |
มาตรา 601 อายุความสิทธิเรียกร้องในกรณีความเสียหายของการงานที่จ้างชำรุดบกพร่อง |
ท่านห้ามมิให้ฟ้องผู้รับจ้างเมื่อพ้นปีหนึ่ง
นับแต่วัน การชำรุดบกพร่องได้ปรากฏขึ้น |
|
ü อายุความเรียกร้องค่าทำของและเงินทดรองจ่าย
ปพพ.มาตรา 193/34 อายุความ 2ปี |
มาตรา 603 ความวินาศเกิดขึ้นก่อนการส่งมอบโดยผู้รับจ้างเป็นผู้จัดหาสัมภาระ |
ถ้าผู้รับจ้างเป็นผู้จัดหาสัมภาระ
และการที่จ้างทำ นั้นพังทลายหรือบุบสลายลงก่อนได้ส่งมอบกันถูกต้องไซร้ ท่านว่า
ความวินาศอันนั้นตกเป็นพับแก่ผู้รับจ้าง หากความวินาศนั้นมิได้
เป็นเพราะการกระทำของผู้ว่าจ้าง ในกรณีเช่นว่านี้
สินจ้างก็เป็นอันไม่ต้องใช้ |
มาตรา 604 |
ถ้าผู้ว่าจ้างเป็นผู้จัดหาสัมภาระ
และการที่จ้างทำนั้น พังทลายหรือบุบสลายลงก่อนได้ส่งมอบกันถูกต้องไซร้
ท่านว่าความ วินาศนั้นตกเป็นพับแก่ผู้ว่าจ้าง หากความวินาศนั้นมิได้เป็นเพราะ
การกระทำของผู้รับจ้าง ในกรณีเช่นว่านี้
สินจ้างก็เป็นอันไม่ต้องใช้ เว้นแต่ความวินาศ
นั้นเป็นเพราะการกระทำของผู้ว่าจ้าง |
มาตรา 605 ผู้ว่าจ้างบอกเลิกสัญญาในขณะที่การที่จ้างยังทำไม่เสร็จ |
ถ้าการที่จ้างยังทำไม่แล้วเสร็จอยู่ตราบใด
ผู้ว่าจ้าง อาจบอกเลิกสัญญาได้ เมื่อเสียค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้รับจ้างเพื่อ
ความเสียหายอย่างใด ๆ อันเกิดแต่การเลิกสัญญานั้น |
มาตรา 606 การระงับแห่งสัญญาโดยผลของกฎหมาย |
ถ้าสาระสำคัญแห่งสัญญาอยู่ที่ความรู้ความสามารถ
ของตัวผู้รับจ้างและผู้รับจ้างตายก็ดี หรือตกเป็นผู้ไม่สามารถทำการ
ที่รับจ้างนั้นต่อไปได้ด้วยมิใช่เพราะความผิดของตนก็ดี ท่านว่าสัญญา
นั้นย่อมเป็นอันสิ้นลง ถ้าและการส่วนที่ได้ทำขึ้นแล้วนั้นเป็นประโยชน์แก่ผู้ว่าจ้างไซร้
ท่านว่าผู้ว่าจ้างจำต้องรับเอาไว้และใช้สินจ้างตามสมควรแก่ส่วนนั้น ๆ |
มาตรา 607 การแบ่งงานบางส่วนหรือทั้งหมดแก่ผู้รับจ้างช่วง |
ผู้รับจ้างจะเอาการที่รับจ้างทั้งหมดหรือแบ่งการแต่
บางส่วนไปให้ผู้รับจ้างช่วงทำอีกทอดหนึ่งก็ได้ เว้นแต่สาระสำคัญแห่ง
สัญญานั้นจะอยู่ที่ความรู้ความสามารถของตัวผู้รับจ้าง แต่ผู้รับจ้างคง
ต้องรับผิดเพื่อความประพฤติหรือความผิดอย่างใด ๆ ของผู้รับจ้างช่วง |
พี่เล้งมีคำแนะนำดังต่อไปนี้ครับ
ข้อสอบอัตนัยมี 3 ส่วน ได้แก่
1 ท่อนแรก ยกบทกฏหมาย
2 ท่อนสอง วินิจฉัย
สวัสดีครับ
สไลด์ดูแนวข้อสอบอื่นๆ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น