มาตราเน้น พา 4 มสธ ตัวบทกฎหมายพาณิชย์ 4 หุ้นส่วน บริษัท | เล้ง นิติศาสตร์ มสธ

สอบครั้งเดียวผ่านถ้าจำและเข้าใจมาตราหลักๆที่ออกสอบบ่อยๆ พา 4 มสธ รหัส 41324

สวัสดีครับเพื่อนๆ ผม พี่เล้ง นิติศาสตร์ มสธ มีตัวบทสำคัญของหมวดวิชากฏหมายพาณิชย์ 4 มาฝากกันครับ 

ถ้าดูจากมือถืออาจต้องสไลด์ซ้าย-ขวาดูนะครับ

                                                      ตัวบทกฎหมายพาณิชย์ 4

 

หุ้นส่วนและบริษัท หมวด 1 บทเบ็ดเสร็จทั่วไป

มาตรา 1012

ห้างหุ้นส่วนจัดตั้ง

        อันว่าสัญญาจัดตั้งห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทนั้น คือสัญญาซึ่งบุคคลตั้งแต่สองคนขึ้นไป  ตกลงเข้ากัน เพื่อกระทำกิจการร่วมกัน  ด้วยประสงค์ จะแบ่งปันกำไรอันจะพึงได้แต่กิจการที่ทำนั้น

มาตรา 1021

หน้าที่ของนายทะเบียน

        นายทะเบียนทุกคนจะต้องแต่งย่อรายการซึ่งได้ลง ทะเบียนส่งไปลงพิมพ์โฆษณาในหนังสือราชกิจจานุเบกษาเป็นคราวๆ   ตามแบบซึ่งเสนาบดีเจ้ากระทรวงจะได้กำหนด

 

ห้างหุ้นส่วนสามัญ

มาตรา 1025

ห้างหุ้นส่วนสามัญ

        อันว่าห้างหุ้นส่วนสามัญนั้น คือห้างหุ้นส่วนประเภท ซึ่งผู้เป็นหุ้นส่วนหมดทุกคนต้องรับผิดร่วมกัน เพื่อหนี้ทั้งปวงของหุ้นส่วน โดยไม่มีจำกัด

 

เจ้าหนี้จะฟ้องห้างหุ้นส่วนสามัญไม่ได้เพราะไม่ได้จดทะเบียนเป็นนิติบุคคล  ให้เจ้าหนี้ฟ้องผู้เป็นหุ้นส่วนคนใดคนหนึ่งหรือทั้ง 3 คนก็ได้

 

ความเกี่ยวพันระหว่างผู้เป็นหุ้นส่วนด้วยกันเอง

มาตรา 1026

เงินทุน(หุ้นลมใช้ไม่ได้)

         ผู้เป็นหุ้นส่วนทุกคนต้องมีสิ่งหนึ่งสิ่งใดมาลงหุ้นด้วยในห้างหุ้นส่วน

         สิ่งที่นำมาลงด้วยนั้น จะเป็นเงินหรือทรัพย์สินสิ่งอื่นหรือลงแรงงานก็ได้

มาตรา 1027

การตีราคาทรัพย์สิน

         ในเมื่อมีกรณีเป็นข้อสงสัย ท่านให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่า สิ่งซึ่งนำมาลงหุ้นด้วยกันนั้นมีค่าเท่ากัน

มาตรา 1028

การตีราคาแรงงาน

         ถ้าผู้เป็นหุ้นส่วนคนใดได้ลงแต่แรงงานของตนเข้า เป็นหุ้นและในสัญญาเข้าหุ้นส่วนมิได้ตีราคาค่าแรงไว้  ท่านให้คำนวณ  ส่วนกำไรของผู้ที่เป็นหุ้นส่วนด้วยลงแรงงานเช่นนั้นเสมอด้วยส่วนถัวเฉลี่ย  ของผู้เป็นหุ้นส่วนซึ่งได้ลงเงินหรือลงทรัพย์สินเข้าหุ้นในการนั้น

 

EX. กขคง. เข้าหุ้นส่วนกันในห้างหุ้นส่วนสามัญแห่งหนึ่ง  ก.ลงทุนด้วยเงิน 1000 บาท ข.ลงทุนด้วยเงิน 2000 บาท ค.ลงทุนด้วยรถจักรยานตีราคา 3000 บาท ง.ลงแรงงานไม่ได้ตีราคา

               ดังนั้น ทุนลงแรงงานของ ง. =   ( 1000+2000+3000 )

                                                                    3

                                                              =    2000 บาท

มาตรา 1029

ผู้เป็นหุ้นส่วนเอาทรัพย์สินมาให้ห้างใช้เป็นการลงทุน

         ถ้าผู้เป็นหุ้นส่วนคนหนึ่งเอาทรัพย์สินมาให้ใช้เป็น การลงหุ้นด้วยไซร้ ความเกี่ยวพันระหว่างผู้เป็นหุ้นส่วนคนนั้นกับ ห้างหุ้นส่วนในเรื่องส่งมอบและซ่อมแซมก็ดี ความรับผิดเพื่อชำรุดบก พร่องก็ดีความรับผิดเพื่อการรอนสิทธิก็ดี ข้อยกเว้นความรับผิดก็ดี ท่านให้บังคับตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายนี้ ว่าด้วยเช่าทรัพย์

มาตรา 1030

ผู้เป็นหุ้นส่วนโอนกรรมสิทธ์ในทรัพย์สินให้ห้างเป็นการลงทุน

         ถ้าผู้เป็นหุ้นส่วนคนหนึ่งให้กรรมสิทธิ์ในทรัพย์สิน อันใดอันหนึ่งเป็นการลงหุ้นด้วยไซร้ ความเกี่ยวพันระหว่างผู้เป็น หุ้นส่วนคนนั้นกับห้างหุ้นส่วนในเรื่องส่งมอบและซ่อมแซมก็ดี ความ รับผิดเพื่อชำรุดบกพร่องก็ดีความรับผิดเพื่อความรอนสิทธิก็ดี ข้อ ยกเว้นความรับผิดก็ดี ท่านให้บังคับตามบทบัญญัติแห่งประมวล กฎหมายนี้ ว่าด้วยซื้อขาย

 

EX.ถ้าห้างเลิกกิจการ  ห้างไม่ต้องคืนรถให้กับผู้ลงทุน  แต่ผู้ชำระบัญชีต้องขายรถคันนั้นไปและคืนราคารถให้กับผู้ลงทุน  ถ้ามีเงินเหลืออยู่ที่จะคืนได้

มาตรา 1031

ผลของผู้เป็นหุ้นส่วนสามัญไม่ยอมส่งมอบส่วนลงหุ้น

         ถ้าผู้เป็นหุ้นส่วนคนใดละเลยไม่ส่งมอบส่วนลงหุ้นของตนเสียเลย  ท่านว่าต้องส่งคำบอกกล่าวเป็นจดหมายจดทะเบียน ไปรษณีย์ไปยังผู้เป็นหุ้นส่วนคนนั้น ให้ส่งมอบส่วนลงหุ้นของตนมา ภายในเวลาอันสมควร มิฉะนั้นผู้เป็นหุ้นส่วนคนอื่น ๆ จะลงเนื้อเห็น พร้อมกันหรือโดยเสียงข้างมากด้วยกันสุดแต่ข้อสัญญา ให้เอาผู้เป็น หุ้นส่วนคนนั้นออกเสียได้

 

มาตรานี้ใช้บังคับเฉพาะหุ้นส่วนที่ไม่ยอมส่งมอบค่าหุ้นของตนเลยซักบาท  แต่ถ้าได้มีการส่งมอบค่าหุ้นแล้วบางส่วนจะใช้มาตรานี้บังคับไม่ได้ต้องใช้มาตรา 1057อนุ (1)

EX.ถ้านาย ก.สัญญาว่าจะนำเงินมาลงทุน 10000 บาท แต่นำมาให้เพียง 1000 บาท หุ้นส่วนคนอื่นจะจัดการตามมาตรา 1031 ไม่ได้ ต้องใช้วิธีฟ้องให้ศาลเลิกหุ้นส่วนเสียตามมาตรา 1057

มาตรา 1032

การเปลี่ยนแปลงข้อสัญญาเดิมหรือประเภทแห่งกิจการ

         ห้ามมิให้เปลี่ยนแปลงข้อสัญญาเดิมแห่งห้าง หุ้นส่วนหรือประเภทแห่งกิจการ นอกจากด้วยความยินยอมของ ผู้เป็นหุ้นส่วนหมดด้วยกันทุกคน เว้นแต่จะมีข้อตกลงกันไว้เป็น อย่างอื่น

มาตรา 1033

ไม่ได้ตกลงแต่งตั้งหุ้นส่วนผู้จัดการไว้

         ถ้าผู้เป็นหุ้นส่วนมิได้ตกลงกันไว้ในกระบวนจัดการ ห้างหุ้นส่วนไซร้  ท่านว่าผู้เป็นหุ้นส่วนย่อมจัดการห้างหุ้นส่วนนั้นได้ ทุกคน   แต่ผู้เป็นหุ้นส่วนคนหนึ่งคนใดจะเข้าทำสัญญาอันใด ซึ่งผู้ เป็นหุ้นส่วนอีกคนหนึ่งทักท้วงนั้นไม่ได้

         ในกรณีเช่นนี้ ท่านให้ถือว่าผู้เป็นหุ้นส่วนย่อมเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการทุกคน

 

ผู้เป็นหุ้นส่วนคนใดก็ได้สามารถจัดการงานของห้างหุ้นส่วนโดยไม่ต้องปรึกษาผู้เป็นหุ้นส่วนคนอื่นๆ  ใครก็ได้ไม่ว่าจะลงทุนด้วยเงิน ทรัพย์สินหรือแรงงาน จะเข้าทำสัญญาได้หมด  ยกเว้นมีผู้ทักท้วง

มาตรา 1034

การลงมติใช้เสียงข้างมาก

          ถ้าได้ตกลงกันไว้ว่าการงานของห้างหุ้นส่วนนั้นจัก ให้เป็นไปตามเสียงข้างมากแห่งผู้เป็นหุ้นส่วนไซร้ ท่านให้ผู้เป็นหุ้น ส่วนคนหนึ่งมีเสียงเป็นคะแนนหนึ่ง โดยไม่ต้องคำนึงถึงจำนวนที่ลง หุ้นด้วยมากหรือน้อย

มาตรา 1035

ตั้งหุ้นส่วนผู้จัดการหลายคน

          ถ้าได้ตกลงกันไว้ว่าจะให้ผู้เป็นหุ้นส่วนหลายคน จัดการห้างหุ้นส่วนไซร้ หุ้นส่วนผู้จัดการแต่ละคนจะจัดการห้างหุ้น ส่วนนั้นก็ได้ แต่หุ้นส่วนผู้จัดการคนหนึ่งคนใด จะทำการอันใดซึ่ง หุ้นส่วนผู้จัดการอีกคนหนึ่งทักท้วงนั้นไม่ได้

 

ผู้ที่เป็นหุ้นส่วนที่สามารถทักท้วงได้นั้นต้องเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการเท่านั้น  ไม่ใช่หุ้นส่วนธรรมดา

มาตรา 1036

การพ้นจากตำแหน่งของหุ้นส่วนผู้จัดการ

        อันหุ้นส่วนผู้จัดการนั้น จะเอาออกจากตำแหน่งได้   ต่อเมื่อผู้เป็นหุ้นส่วนทั้งหลายอื่นยินยอมพร้อมกัน เว้นแต่จะได้ตกลง กันไว้เป็นอย่างอื่น

มาตรา 1037

สิทธิที่จะไต่ถามการงานและตรวจคัดสำเนาสมุดบัญชีของห้าง

         ถึงแม้ว่าผู้เป็นหุ้นส่วนทั้งหลายได้ตกลงให้  ผู้เป็นหุ้นส่วนคนเดียวหรือหลายคนเป็นผู้จัดการห้างหุ้นส่วนก็ดี   ผู้เป็นหุ้นส่วนทุกคนนอกจากผู้จัดการย่อมมีสิทธิที่จะไต่ถามถึงการงานของห้างหุ้นส่วนที่จัดอยู่นั้นได้ทุกเมื่อและมีสิทธิที่จะตรวจและคัดสำเนา สมุด บัญชี และเอกสารใด ๆ ของหุ้นส่วนได้ด้วย

 

หมายเหตุ; หุ้นส่วนที่ไม่ได้เป็นผู้จัดการมีสิทธิ์ที่จะไต่ถามการงานของห้างหุ้นส่วนคือ  มีสิทธิ์ที่จะสอบถามผลการดำเนินการของห้างหุ้นส่วน  และแผนการปฏิบัติงานด้านต่างๆของหุ้นส่วนผู้จัดการ โดยสอบถามเป็นการส่วนตัวก็ได้ไม่จำเป็นต้องสอบถามในที่ประชุม

มาตรา 1038

ห้ามค้าขายแข่งขันกับห้างหุ้นส่วนไม่จดทะเบียน

          ห้ามมิให้ผู้เป็นหุ้นส่วนประกอบกิจการอย่างหนึ่ง อย่างใดซึ่งมีสภาพดุจเดียวกัน และเป็นการแข่งขันกับกิจการของ ห้างหุ้นส่วนนั้น ไม่ว่าทำเพื่อประโยชน์ตนหรือประโยชน์ผู้อื่นโดย มิได้รับความยินยอมของผู้เป็นหุ้นส่วนคนอื่น ๆ

          ถ้าผู้เป็นหุ้นส่วนคนใดทำการฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติ มาตรานี้ ไซร้ ผู้ เป็นหุ้นส่วนคนอื่น ๆ ชอบที่จะเรียกเอาผลกำไรซึ่งผู้นั้นหาได้ทั้งหมด หรือเรียกเอาค่าสินไหมทดแทน เพื่อการที่ห้างหุ้นส่วนได้รับความ เสียหายเพราะเหตุนั้น แต่ท่านห้ามมิให้ฟ้องเรียกเมื่อพ้นเวลาปีหนึ่ง นับแต่วันทำการฝ่าฝืน

 

หมายเหตุ; ต้องดูองค์ประกอบอื่นๆด้วย  เช่น เวลาที่จำหน่ายหรือขายสินค้าตรงกันหรือไม่  และสถานที่ประกอบการอยู่ใกล้ชิดหรือห่างไกลกับห้างจนไม่อาจเป็นการแข่งขันได้หรือไม่

มาตรา 1039

ความระมัดระวังในการจัดการห้างหุ้นส่วน

          ผู้เป็นหุ้นส่วนจำต้องจัดการงานของห้างหุ้นส่วนด้วย ความระมัดระวังให้มากเสมือนกับจัดการงานของตนเองฉะนั้น

มาตรา 1040

ห้ามชักนำบุคคลอื่นเข้ามาเป็นหุ้นส่วน

          ห้ามมิให้ชักนำเอาบุคคลผู้อื่นเข้ามาเป็นหุ้นส่วนใน ห้างหุ้นส่วน โดยมิได้รับความยินยอมของผู้เป็นหุ้นส่วนหมดด้วยกันทุกคน  เว้นแต่จะได้ตกลงกันไว้เป็นอย่างอื่น

มาตรา 1041

การโอนหุ้นให้กับบุคคลภายนอก

          ถ้าผู้เป็นหุ้นส่วนคนใดคนหนึ่งโอนส่วนกำไรของตน   ในห้างหุ้นส่วนทั้งหมดก็ดีหรือแต่บางส่วนก็ดี ให้แก่บุคคลภายนอก  โดยมิได้รับความยินยอมของผู้เป็นหุ้นส่วนทั้งหลายอื่นไซร้  ท่านว่าบุคคลภายนอกนั้นจะกลายเป็นเข้าหุ้นส่วนด้วยก็หามิได้

 

โอนส่วนกำไร  หมายถึงการโอนหุ้นให้กับบุคคลภายนอก

มาตรา 1042

หุ้นส่วนผู้จัดการดำเนินการในฐานะตัวแทน

          ความเกี่ยวพันระหว่างหุ้นส่วนผู้จัดการกับผู้เป็นหุ้นส่วนทั้งหลายอื่นนั้น  ท่านให้บังคับด้วยบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายนี้ว่าด้วยตัวแทน

มาตรา 1043

การจัดการนอกสั่ง

         ถ้าผู้เป็นหุ้นส่วนมิได้เป็นผู้จัดการเอื้อมเข้ามาจัด การงานของห้างหุ้นส่วนก็ดี หรือผู้เป็นหุ้นส่วนซึ่งเป็นผู้จัดการกระทำ ล่วงขอบอำนาจของตนก็ดี ท่านให้บังคับด้วยบทบัญญัติแห่งประมวล กฎหมายนี้ ว่าด้วยจัดการงานนอกสั่ง

มาตรา 1044

การแบ่งกำไร

           อันส่วนกำไรก็ดี ส่วนขาดทุนก็ดี ของผู้เป็นหุ้นส่วนทุกๆคนนั้น ย่อมเป็นไปตามส่วนที่ลงหุ้น

มาตรา 1045

กำไร=ขาดทุน

          ถ้าหุ้นส่วนของผู้ใดได้กำหนดแต่เพียงข้างฝ่ายกำไร ว่าจะแบ่งเอาเท่าไร หรือกำหนดแต่เพียงข้างขาดทุนว่าจะยอมขาด เท่าไรฉะนี้ไซร้  ท่านให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าหุ้นส่วนของผู้นั้นมีส่วนกำไร และส่วนขาดทุนเป็นอย่างเดียวกัน

มาตรา 1047

งดใช้ชื่อของตนเมื่อหุ้นส่วนออกจากห้างแล้ว

        ถ้าชื่อของผู้เป็นหุ้นส่วนซึ่งออกจากหุ้นส่วนไปแล้ว ยังคงใช้เรียกขานติดเป็นชื่อห้างหุ้นส่วนอยู่  ท่านว่าผู้เป็นหุ้นส่วนนั้น ชอบที่จะเรียกให้งดใช้ชื่อของตนเสียได้

 

ผู้เป็นหุ้นส่วนเมื่อออกจากห้างแล้วความเป็นหุ้นส่วนย่อมสิ้นสุดลงในขณะออก  แต่การที่ชื่อของเขายังถูกใช้อยู่เป็นชื่อห้าง  อาจเป็นเหตุให้ต้องรับผิดต่อบุคคลภายนอกได้ตามมาตรา 1054

มาตรา 1048

สิทธิเรียกส่วนของตนจากหุ้นส่วนอื่น

         ผู้เป็นหุ้นส่วนคนหนึ่งจะเรียกเอาส่วนของตนจาก หุ้นส่วนอื่น ๆ แม้ในกิจการค้าขายอันใดซึ่งไม่ปรากฏชื่อของตนก็ได้

 

ความเกี่ยวพันระหว่างผู้เป็นหุ้นส่วนกับบุคคลภายนอก (ห้างไม่จดทะเบียน)

มาตรา 1049

          ผู้เป็นหุ้นส่วนจะถือเอาสิทธิใด ๆ แก่บุคคลภายนอก ในกิจการค้าขายซึ่งไม่ปรากฏชื่อของตนนั้นหาได้ไม่

 

EX. ผู้เป็นหุ้นส่วนสามัญจะถือเอกสิทธิใด ๆ แก่บุคคลภายนอกในกิจการค้าขาย ซึ่งไม่ปรากฏชื่อของตนเป็นคู่สัญญาหาได้ไม่   เพราะห้างหุ้นส่วนสามัญไม่ใช้นิติบุคคล  การทำสัญญาในกิจการใด ๆแม้จะทำในนามห้างก็ผูกพันเฉพาะคู่สัญญาที่ลงนามเท่านั้น ไม่ผูกพันบุคคลอื่นแม้จะเป็นหุ้นส่วนด้วยก็ตาม (ป.พ.พ.มาตรา 1049) แต่ในความรับผิดชอบระหว่างหุ้นส่วนด้วยกัน หุ้นส่วนทุกคนจะต้องผูกพันและรับผิดชอบร่วมกันโดยไม่จำกันจำนวน (ป.พ.พ.มาตรา 1050)

มาตรา 1050

หนี้ที่เป็นธรรมดาการค้าของห้าง

          การใด ๆ อันผู้เป็นหุ้นส่วนคนใดคนหนึ่งได้จัดทำไป ในทางที่เป็นธรรมดาการค้าขายของห้างหุ้นส่วนนั้น  ท่านว่าผู้เป็นหุ้นส่วน หมดทุกคนย่อมมีความผูกพันในการนั้น ๆ ด้วย และจะต้องรับผิดร่วมกัน โดยไม่จำกัดจำนวนในการชำระหนี้อันได้ก่อให้เกิดขึ้น เพราะจัดการไป เช่นนั้น

มาตรา 1051

ความรับผิดในหนี้ของห้างฯก่อนออกจากห้าง

         ผู้เป็นหุ้นส่วนซึ่งออกจากหุ้นส่วนไปแล้วยังคงต้องรับผิดในหนี้ซึ่งห้างหุ้นส่วนได้ก่อให้เกิดขึ้นก่อนที่ตนได้ออกจากหุ้นส่วนไป

 

อธิบายเพิ่มเติม; หุ้นส่วนที่ถูกขับไล่ออกจากห้างในกรณีตามมาตรา 1031 นี้  ถ้าเป็นหุ้นส่วนในห้างหุ้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียน  ยังจะต้องรับผิดในหนี้ของห้างที่เกิดขึ้นก่อนที่ตนจะออกจากห้าง  และต้องรับผิดตลอดอายุความของหนี้นั้น (ม.1051)  แต่ถ้าเป็นหุ้นส่วนในห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล  ก็จะต้องรับผิดในหนี้ของห้างที่เกิดขึ้นขณะที่ตนเป็นหุ้นส่วนเพียง 2 ปี นับแต่เมื่อออกจากห้างตามมาตรา 1068

มาตรา 1052

ความรับผิดในหนี้ของห้างก่อนเข้ามาเป็นหุ้นส่วน

         บุคคลผู้เข้าเป็นหุ้นส่วนในห้างหุ้นส่วนย่อมต้องรับผิด ในหนี้ใด ๆ ซึ่งห้างหุ้นส่วนได้ก่อให้เกิดขึ้นก่อนที่ตนเข้ามาเป็นหุ้นส่วนด้วย

มาตรา 1053

ข้อจำกัดอำนาจของหุ้นส่วนผู้จัดการ

          ห้างหุ้นส่วนซึ่งมิได้จดทะเบียนนั้น ถึงแม้จะมีข้อ จำกัดอำนาจของหุ้นส่วนคนหนึ่งในการที่จะผูกพันผู้เป็นหุ้นส่วนคนอื่น ๆ  ท่านว่าข้อจำกัดเช่นนั้นก็หามีผู้ถึงบุคคลภายนอกไม่

 

แต่บุคคลภายนอกต้องสุจริตเท่านั้น  คือไม่รู้ถึงข้อตกลงกันระหว่างหุ้นส่วนด้วยกันว่ามีข้อจำกัดอำนาจเป็นอย่างไร

มาตรา 1054

หลักทั่วไปของการแสดงตนเป็นหุ้นส่วน

ว. 2 ใช้ชื่อของหุ้นส่วนที่ตายไปแล้วและทำสัญญาค้าขายกับบุคคลภายนอก

          บุคคลใดแสดงตนว่าเป็นหุ้นส่วนด้วยวาจาก็ดีด้วย ลายลักษณ์อักษรก็ดี ด้วยกิริยาก็ดี ด้วยยินยอมให้เขาใช้ชื่อตนเป็น ชื่อห้างหุ้นส่วนก็ดี หรือรู้แล้วไม่คัดค้านปล่อยให้เข้าแสดงว่าตนเป็น หุ้นส่วนก็ดี ท่านว่าบุคคลนั้นย่อมต้องรับผิดต่อบุคคลภายนอกในบรรดา หนี้ของห้างหุ้นส่วนเสมือนเป็นหุ้นส่วน

         ถ้าผู้เป็นหุ้นส่วนคนหนึ่งคนใดตายไปแล้ว และห้างหุ้นส่วนนั้นยังคง ค้าต่อไปในชื่อเดิมของห้าง ท่านว่าเหตุเพียงที่คงใช้ชื่อเดิมนั้นก็ดี หรือ ใช้ชื่อของหุ้นส่วนผู้ตายควบอยู่ด้วยก็ดี หาทำให้ความรับผิดมีแก่กอง ทรัพย์มรดกของผู้ตายเพื่อหนี้ใด ๆ อันห้างหุ้นส่วนได้ก่อให้เกิดขึ้น ภายหลังมรณะนั้นไม่

 

EX. ผู้เป็นหุ้นส่วนที่ออกจากห้างไปแล้ว  ความเป็นหุ้นส่วนของเขาย่อมสิ้นสุดลงในขณะที่ออก  แต่การที่ชื่อของเขายังถูกใช้อยู่เป็นชื่อห้าง  อาจเป็นเหตุให้เขาต้องรับผิดต่อบุคคลภายนอกได้ตาม ม. 1054 ดังนั้น ม. 1047 จึงให้สิทธิแก่หุ้นส่วนคนนั้นมีสิทธิเรียกร้องให้หุ้นส่วนคนอื่นที่เหลืออยู่  งดใช้ชื่อของตนเสียเพื่อไม่ต้องรับผิดตาม ม.1054

           วรรค 2 นั้นทายาทของหุ้นส่วนที่ตายจึงไม่ต้องรับผิดในหนี้ของห้างที่เกิดขึ้นภายหลังหุ้นส่วนตายแต่ประการใด

 

การเลิกและชำระบัญชีห้างหุ้นส่วนสามัญ

มาตรา 1055

เหตุของการเลิกห้าง

           ห้างหุ้นส่วนสามัญย่อมเลิกกันด้วยเหตุดังกล่าวต่อไปนี้
(1) ถ้าในสัญญาทำไว้มีกำหนดกรณีอันใดเป็นเหตุที่จะเลิกกันเมื่อ มีกรณีนั้น
(2) ถ้าสัญญาทำไว้เฉพาะกำหนดกาลใด เมื่อสิ้นกำหนดกาลนั้น
(3) ถ้าสัญญาทำไว้เฉพาะเพื่อทำกิจการอย่างหนึ่งอย่างใดแต่อย่างเดียว เมื่อเสร็จการนั้น
(4) เมื่อผู้เป็นหุ้นส่วนคนใดคนหนึ่งให้คำบอกกล่าวแก่ผู้เป็นหุ้นส่วนคนอื่นๆ ตามกำหนดดั่งบัญญัติไว้ใน
มาตรา 1056
(5) เมื่อผู้เป็นหุ้นส่วนคนใดคนหนึ่งตาย หรือล้มละลายหรือตกเป็นผู้ไร้ ความสามารถ

 

หมายเหตุ; ในอนุมาตรา 5 นี้ถ้าทายาทของหุ้นส่วนที่ตายเข้ามาถือหุ้นแทน  และผู้เป็นหุ้นส่วนทั้งหลายยินยอมก็สามารถทำได้ไม่ต้องเลิกห้าง

มาตรา 1056

อายุของห้างหุ้นส่วนสามัญ

          ถ้าห้างหุ้นส่วนได้ตั้งขึ้นไม่มีกำหนดกาลอย่างหนึ่ง อย่างใดเป็นยุติ   ท่านว่าจะเลิกได้ต่อเมื่อผู้เป็นหุ้นส่วนคนใดคนหนึ่ง บอกเลิกเมื่อสิ้นรอบปีในทางบัญชีเงินของห้างหุ้นส่วนนั้น   และผู้เป็นหุ้นส่วนนั้นต้องบอกกล่าวความจำนงจะเลิกล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 6 เดือน

มาตรา 1057

การเลิกห้างหุ้นส่วนสามัญโดยคำสั่งศาล

          ถ้าผู้เป็นหุ้นส่วนคนใดร้องขอเมื่อมีกรณีอย่างใด อย่างหนึ่งดั่งจะกล่าวต่อไปนี้ ศาลอาจสั่งให้ห้างหุ้นส่วนสามัญเลิกกัน เสียก็ได้คือ
(1) เมื่อผู้เป็นหุ้นส่วนคนใดคนหนึ่งนอกจากผู้ร้องฟ้องนั้น ล่วงละเมิด บทบังคับใด ๆ อันเป็นข้อสาระสำคัญซึ่งสัญญาหุ้นส่วนกำหนดไว้แก่ตน โดยจงใจหรือเลินเล่ออย่างร้ายแรง
(2) เมื่อกิจการของห้างหุ้นส่วนนั้นจะทำไปก็มีแต่ขาดทุนอย่างเดียว
และไม่มีหวังจะกลับฟื้นตัวได้อีก
(3) เมื่อมีเหตุอื่นใด ๆ ทำให้ห้างหุ้นส่วนนั้นเหลือวิสัยที่จะดำรง คงอยู่ต่อไปได้

 

บทบังคับอย่างใดๆ = เช่นไม่ยอมส่งมอบค่าลงหุ้นที่ค้างส่งอยู่แก่ห้างหุ้นส่วน

มาตรา 1058

ฟ้องขอให้ศาลสั่งกำจัดหุ้นส่วนผู้ค้าขายแข่งขันกับห้างออกจากหุ้นส่วนแทนสั่งให้เลิกห้างก็ได้

          เมื่อเหตุอันใดอันหนึ่งเกิดขึ้นเกี่ยวด้วยผู้เป็นหุ้นส่วน คนหนึ่งซึ่งตามความใน
มาตรา 1057 หรือ มาตรา 1067 เป็นเหตุให้ผู้ เป็นหุ้นส่วนทั้งหลายนอกนั้นมีสิทธิจะเรียกให้เลิกห้างหุ้นส่วนได้ไซร้ ในเมื่อผู้เป็นหุ้นส่วนเหล่านั้นยื่นคำร้อง ท่านว่าศาลจะสั่งให้กำจัด หุ้นส่วนผู้ต้นเหตุนั้นออกเสียจากห้างหุ้นส่วนแทนสั่งให้เลิกห้างหุ้นส่วน ก็ได้

         ในการแบ่งทรัพย์สินระหว่างห้างหุ้นส่วนกับผู้เป็นหุ้นส่วนซึ่งถูก กำจัดนั้นท่านให้ตีราคาทรัพย์สินของห้างหุ้นส่วนตามราคาที่เป็นอยู่ใน เวลานั้นแรกยื่นคำร้องขอให้กำจัด

มาตรา 1059

การเลิกห้างหุ้นส่วนในกรณีนี้มีข้อยกเว้น

          ถ้าเมื่อสิ้นกำหนดกาลซึ่งได้ตกลงกันไว้ และผู้เป็น หุ้นส่วนทั้งหลาย หรือผู้เป็นหุ้นส่วนซึ่งเคยได้จัดการอยู่ในระหว่าง กำหนดนั้นยังคงดำเนินการค้าของห้างหุ้นส่วนอยู่ต่อไปโดยมิได้ชำระ บัญชี หรือชำระเงินกันให้เสร็จไปไซร้ ท่านให้ถือว่าผู้เป็นหุ้นส่วน ทั้งปวงได้ตกลงคงทำการเป็นหุ้นส่วนกันสืบไปโดยไม่มีกำหนดกาล

มาตรา 1061

การชำระบัญชีและข้อยกเว้นที่ไม่ต้องมีการชำระบัญชี

           เมื่อห้างหุ้นส่วนเลิกกันแล้วก็ให้จัดการชำระบัญชี เว้นแต่จะได้ตกลงกันให้จัดการทรัพย์สินโดยวิธีอื่นในระหว่างผู้เป็น หุ้นส่วนด้วยกันหรือว่าห้างหุ้นส่วนนั้นศาลได้พิพากษาให้ล้มละลาย

          ถ้าการเลิกห้างหุ้นส่วนนั้นได้เป็นไปโดยที่เจ้าหนี้เฉพาะตัวของผู้ เป็นหุ้นส่วนคนใดคนหนึ่งได้ให้คำบอกกล่าวก็ดี หรือโดยที่ผู้เป็นหุ้นส่วน คนใดคนหนึ่งล้มละลายก็ดี ท่านว่าจะงดการชำระบัญชีเสียได้ต่อเมื่อ เจ้าหนี้คนนั้นหรือเจ้าพนักงานรักษาทรัพย์ยินยอมด้วย (ปัจจุบันคือเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์)

         การชำระบัญชีนั้น ให้ผู้เป็นหุ้นส่วนทั้งหมดด้วยกันจัดทำ หรือให้ บุคคลอื่นซึ่งผู้เป็นหุ้นส่วนได้ตั้งแต่งขึ้นนั้นเป็นผู้จัดทำ

         การตั้งแต่งผู้ชำระบัญชี ให้วินิจฉัยชี้ขาดโดยคะแนนเสียงข้างมาก ของผู้เป็นหุ้นส่วน

มาตรา 1062

ลำดับของการชำระบัญชีห้างหุ้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียน

         การชำระบัญชี ให้ทำโดยลำดับดั่งนี้ คือ
(1) ให้ชำระหนี้ทั้งหลายซึ่งค้างชำระแก่บุคคลภายนอก
(2) ให้ชดใช้เงินทดรองและค่าใช้จ่ายซึ่งผู้เป็นหุ้นส่วนได้ออกของ ตนไปเพื่อจัดการค้าของห้าง
(3) ให้คืนทุนทรัพย์ซึ่งผู้เป็นหุ้นส่วนแต่ละคนได้ลงเป็นหุ้น
           ถ้ายังมีทรัพย์เหลืออยู่อีกเท่าไรก็ให้เฉลี่ยแจกเป็นกำไรในระหว่าง ผู้เป็นหุ้นส่วน

 

Ø กรณีลงด้วยเงิน  คืนเป็นเงินเท่ากับที่ได้นำเงินมาลงทุน

Ø กรณีลงด้วยทรัพย์สิน แยกได้ 2 กรณี

1.       โอนกรรมสิทธิ์ให้ห้างแล้ว  ตีราคาทรัพย์นั้นแล้วคืนเป็นเงิน

2.       นำทรัพย์สินมาใช้ในการลงทุน (ไม่ได้โอน) คืนตามสภาพที่เป็นอยู่

Ø กรณีลงด้วยแรงงาน เวลาเลิกห้างไม่ต้องคืนอะไร

มาตรา 1063

เมื่อชำระบัญชีแล้วเหลือเงินไม่พอ

            ถ้าเมื่อได้ชำระหนี้ซึ่งค้างชำระแก่บุคคลภายนอก และชดใช้เงินทดรองและค่าใช้จ่ายแล้ว สินทรัพย์ที่ยังอยู่ไม่พอจะคืน แก่ผู้เป็นหุ้นหุ้นส่วนให้ครบจำนวนที่ลงหุ้นไซร้ ส่วนที่ขาดนี้คือขาดทุน ซึ่งต้องคิดเฉลี่ยช่วยกันขาด

 

การจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนสามัญ

มาตรา 1064 อนุ6

จดทะเบียนห้างหุ้นส่วนสามัญ

         อันห้างหุ้นส่วนสามัญนั้น จะจดทะเบียนก็ได้
          การจดทะเบียนนั้น ท่านบังคับให้มีรายการดั่งนี้ คือ

(1) ชื่อห้างหุ้นส่วน
(2) วัตถุที่ประสงค์ของห้างหุ้นส่วน
(3) ที่ตั้งสำนักงานแห่งใหญ่และสาขาทั้งปวง
(4) ชื่อและที่สำนักกับทั้งอาชีวะของผู้เป็นหุ้นส่วนทุก ๆ คน ถ้าผู้ เป็นหุ้นส่วนคนใดมีชื่อยี่ห้อ ก็ให้ลงทะเบียนทั้งชื่อและยี่ห้อด้วย
(5) ชื่อหุ้นส่วนผู้จัดการในเมื่อได้ตั้งแต่งให้เป็นผู้จัดการแต่เพียง บางคน
(6) ถ้ามีข้อจำกัดอำนาจของหุ้นส่วนผู้จัดการประการใดให้ลงไว้ด้วย
(7) ตราซึ่งใช้เป็นสำคัญของห้างหุ้นส่วน
          ข้อความซึ่งลงทะเบียนนั้น จะลงรายการอื่น ๆ อีกอันคู่สัญญา เห็นสมควรจะให้ประชาชนทราบด้วยก็ได้
          การลงทะเบียนนั้น ต้องลงลายมือชื่อของผู้เป็นหุ้นส่วนทุกคน และต้องประทับตราของห้างหุ้นส่วนนั้นด้วย
          ให้พนักงานทะเบียนทำใบสำคัญแสดงการจดทะเบียนส่งมอบให้แก่ห้างหุ้นส่วนนั้นฉบับหนึ่ง

มาตรา 1065

สิทธิของผู้เป็นหุ้นส่วนในการถือเอาประโยชน์จากบุคคลภายนอก

           ผู้เป็นหุ้นส่วนอาจถือเอาประโยชน์แก่บุคคลภายนอก ในบรรดาสิทธิอันห้างหุ้นส่วนจดทะเบียนนั้นได้มา แม้ในกิจการซึ่งไม่ ปรากฏชื่อของตน

มาตรา 1066

ห้ามมิให้หุ้นส่วนค้าขายแข่งขันกับห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล

           ห้ามมิให้ผู้เป็นหุ้นส่วนคนหนึ่งคนใดในห้างหุ้นส่วน จดทะเบียนประกอบกิจการอย่างหนึ่งอย่างใดอันมีสภาพเป็นอย่าง เดียวกันและเป็นการแข่งขันกับกิจการของห้างหุ้นส่วนนั้น ไม่ว่าทำ เพื่อประโยชน์ตนหรือเพื่อประโยชน์ผู้อื่น หรือไปเข้าเป็นหุ้นส่วนไม่ จำกัดความรับผิดในห้างหุ้นส่วนอื่น ซึ่งประกอบกิจการอันมีสภาพ เป็นอย่างเดียวกัน และแข่งขันกับกิจการของห้างหุ้นส่วนจดทะเบียนนั้น   เว้นไว้แต่จะได้รับคำยินยอมของผู้เป็นหุ้นส่วนอื่นทั้งหมด
            แต่ข้อห้ามเช่นว่ามานี้ ท่านว่าจะไม่พึงใช้ได้ ถ้าหากผู้เป็นหุ้นส่วน ทั้งหลายได้รู้อยู่แล้วในเวลาเมื่อลงทะเบียนห้างหุ้นส่วนนั้นว่า ผู้เป็น หุ้นส่วนคนหนึ่งได้ทำกิจการ หรือเข้าเป็นหุ้นส่วนอยู่ในห้างหุ้นส่วนอื่น อันมีวัตถุที่ประสงค์อย่างเดียวกัน และในสัญญาเข้าหุ้นส่วนที่ทำไว้ ต่อกันนั้นก็ไม่ได้บังคับให้ถอนตัวออก

 

หมายเหตุ; แต่ถ้าสถานที่ห่างไกลกันมาก  ก็จะไม่เข้าในมาตรานี้

มาตรา 1067

การค้าขายแข่งขันกับห้างหุ้นส่วนสามัญจดทะเบียน

          ถ้าผู้เป็นหุ้นส่วนคนใดกระทำฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติ ในมาตราก่อนนี้ไซร้ ท่านว่าห้างหุ้นส่วนซึ่งจดทะเบียนนั้นชอบที่จะเรียก เอาผลกำไรอันผู้นั้นหาได้ทั้งหมด หรือเรียกเอาค่าสินไหมทดแทนเพื่อ ความเสียหายซึ่งห้างหุ้นส่วนได้รับเพราะเหตุนั้น
          แต่ทั้งนี้ท่านห้ามมิให้ฟ้องเรียกเมื่อพ้นเวลาปีหนึ่ง นับแต่วันทำการ ฝ่าฝืน
          อนึ่ง บทบัญญัติ มาตรานี้ ไม่ลบล้างสิทธิของผู้เป็นหุ้นส่วนทั้งหลาย นอกนั้น ในอันจะเรียกให้เลิกห้างหุ้นส่วน

 

มาตรา 1068

ความรับผิดในหนี้ของผู้เป็นหุ้นส่วนในห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน

          ความรับผิดของผู้เป็นหุ้นส่วนในห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน อันเกี่ยวแก่หนี้ ซึ่งห้างหุ้นส่วนได้ก่อให้เกิดขึ้นก่อนที่ตนออกจากหุ้นส่วน นั้น  ย่อมมีจำกัดเพียงสองปีนับแต่เมื่อออกจากหุ้นส่วน

 

หมายความว่า  ถ้าหนี้ถึงกำหนดชำระเกินกว่า 2 ปีหลังจากที่หุ้นส่วนลาออกจากห้างไปแล้ว  หุ้นส่วนผู้นั้นไม่ต้องรับผิดชอบ

มาตรา 1070

เมื่อห้างหุ้นส่วนผิดนัดชำระหนี้

         เมื่อใดห้างหุ้นส่วนซึ่งจดทะเบียนผิดนัดชำระหนี้  เมื่อนั้นเจ้าหนี้ของห้างหุ้นส่วนนั้นชอบที่จะเรียกให้ชำระหนี้เอาแต่ ผู้เป็นหุ้นส่วนคนใดคนหนึ่งก็ได้

 

การควบห้าง หุ้นส่วนจดทะเบียนเข้ากัน

มาตรา 1073

การควบห้างหุ้นส่วนจดทะเบียนเข้ากัน

         ห้างหุ้นส่วนจดทะเบียนห้างหนึ่งจะควบเข้าเป็นอันเดียว กับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียนอีกห้างหนึ่งก็ได้ โดยความยินยอมของผู้เป็น หุ้นส่วนทั้งหมด   เว้นแต่จะได้ตกลงกันไว้เป็นอย่างอื่น

 

หมายเหตุ; อาจจะควบตั้งแต่ 2 ห้างหรือมากกว่า 2 ห้างก็ได้  และต้องเป็นห้างที่อยู่ในระหว่างดำเนินการ  ถ้าห้างที่เลิกไปแล้วจะควบไม่ได้  เมื่อควบกันแล้วห้างแรกจะเสียเปรียบ ส่วนห้างหลังจะได้เปรียบ

มาตรา 1074

ต้องบอกกล่าวการควบห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน

           เมื่อห้างหุ้นส่วนจดทะเบียนห้างใดปลงใจจะควบ เข้ากันกับห้างอื่น ห้างหุ้นส่วนนั้นต้องโฆษณาในหนังสือพิมพ์แห่ง ท้องที่นั้นสองครั้งเป็นอย่างน้อย และส่งคำบอกกล่าวความประสงค์ ที่จะควบเข้ากันนั้นแก่บรรดาผู้ซึ่งห้างหุ้นส่วนรู้ว่าเป็นเจ้าหนี้ และขอ ให้เจ้าหนี้ผู้มีข้อคัดค้านอย่างใดอย่างหนึ่งในการที่จะทำนั้นส่งคำคัดค้าน ไปภายในสามเดือนนับแต่วันบอกกล่าว
           ถ้าไม่มีใครคัดค้านภายในกำหนดเวลาเช่นว่านั้น ก็ให้พึงถือว่าไม่มี คัดค้าน
           ถ้ามีคัดค้านไซร้ ท่านมิให้ห้างหุ้นส่วนจัดการควบเข้ากัน เว้นแต่ จะได้ใช้หนี้ที่เรียกร้องหรือให้ประกันเพื่อหนี้นั้นแล้ว

 

เจ้าหนี้นั้นหมายถึง  เจ้าหนี้ของฝ่ายที่ควบและถูกควบ

มาตรา 1075

การจดทะเบียนควบห้างหุ้นส่วน

         เมื่อห้างได้ควบเข้ากันแล้ว ต่างห้างก็ต่างมีหน้าที่จะต้องนำความนั้นไปจดลงทะเบียน ว่าได้ควบเข้ากันเป็นห้างหุ้นส่วนขึ้นใหม่

 

จดทะเบียนภายใน 14 วันนับแต่วันควบเข้ากัน

 

ห้างหุ้นส่วนจำกัด (จดทะเบียน)

มาตรา 1077

ความหมายของห้างหุ้นส่วนจำกัด

           อันห้างหุ้นส่วนจำกัดนั้น คือห้างหุ้นส่วนประเภทหนึ่ง ซึ่งมีผู้เป็นหุ้นส่วนสองจำพวก ดังจะกล่าวต่อไปนี้ คือ
(1) ผู้เป็นหุ้นส่วนคนเดียวหรือหลายคน ซึ่งมีจำกัดความรับผิดเพียง ไม่เกินจำนวนเงินที่ตนรับจะลงหุ้นในห้างหุ้นส่วนนั้นจำพวกหนึ่ง และ
(2) ผู้เป็นหุ้นส่วนคนเดียวหรือหลายคนซึ่งต้องรับผิดร่วมกัน ใน บรรดาหนี้ของห้างหุ้นส่วนไม่มีจำกัดจำนวนอีกจำพวกหนึ่ง

มาตรา 1078

รายการจดทะเบียนของห้างหุ้นส่วนจำกัด

          อันห้างหุ้นส่วนจำกัดนั้น ท่านบังคับว่าต้องจดทะเบียน
          การลงทะเบียนนั้น ต้องมีรายการดั่งต่อไปนี้ คือ
(1) ชื่อห้างหุ้นส่วน
(2) ข้อแถลงความว่าเป็นห้างหุ้นส่วนจำกัด และวัตถุที่ประสงค์ของห้าง หุ้นส่วนนั้น
(3) ที่ตั้งสำนักงานแห่งใหญ่และสำนักงานสาขาทั้งปวง
(4) ชื่อ ยี่ห้อ สำนัก และอาชีวะของผู้เป็นหุ้นส่วนจำพวกจำกัดความรับ ผิด และจำนวนเงินซึ่งเขาเหล่านั้นได้ลงหุ้นด้วยในห้างหุ้นส่วน
(5) ชื่อ ยี่ห้อ สำนัก และอาชีวะของผู้เป็นหุ้นส่วนจำพวกไม่จำกัดความ รับผิด
(6) ชื่อหุ้นส่วนผู้จัดการ
(7) ถ้ามีข้อจำกัดอำนาจหุ้นส่วน ผู้จัดการอันจะผูกพันห้างหุ้นส่วนนั้น ประการใดให้ลงไว้ด้วย
          ข้อความซึ่งลงทะเบียนนั้น จะลงรายการอื่น ๆ อีกอันคู่สัญญาเห็นสมควร จะให้ประชาชนทราบด้วยก็ได้
          การลงทะเบียนนั้น ต้องลงลายมือชื่อของผู้เป็นหุ้นส่วนทุกคน และต้อง ประทับตราของห้างหุ้นส่วนนั้นด้วย
         ให้พนักงานทะเบียนทำใบสำคัญแสดงการจดทะเบียนส่งมอบให้แก่ห้างหุ้น ส่วนนั้นฉบับหนึ่ง

มาตรา 1079

ผลก่อนจดทะเบียน

          อันห้างหุ้นส่วนจำกัดนั้น ถ้ายังมิได้จดทะเบียนอยู่ ตราบใด  ท่านให้ถือว่าเป็นห้างหุ้นส่วนสามัญ ซึ่งผู้เป็นหุ้นส่วนทั้งหมด ย่อมต้องรับผิดร่วมกันในบรรดาหนี้ของห้างหุ้นส่วน โดยไม่มีจำกัด จำนวนจนกว่าจะได้จดทะเบียน

มาตรา 1080

การนำบทบัญญัติในห้างหุ้นส่วนสามัญมาใช้บังคับกับห้างหุ้นส่วนจำกัด

            บทบัญญัติว่าด้วยห้างหุ้นส่วนสามัญข้อใดๆ หากมิ ได้ยกเว้นหรือแก้ไขเปลี่ยนแปลงไปโดยบทบัญญัติแห่งหมวด 3 นี้ ท่านให้นำมาใช้บังคับแก่ห้างหุ้นส่วนจำกัดด้วย
           ถ้าผู้เป็นหุ้นส่วนจำพวกไม่จำกัดความรับผิดนั้นมีอยู่หลายคนด้วยกัน ท่านให้ใช้บทบัญญัติสำหรับห้างหุ้นส่วนสามัญ เป็นวิธีบังคับในความ เกี่ยวพันระหว่างคนเหล่านั้นเอง และความเกี่ยวพันระหว่างผู้เป็น หุ้นส่วนเหล่านั้นกับห้างหุ้นส่วน

 

มาตรา 1081

ห้ามเอาชื่อมาเป็นชื่อห้าง

           ห้ามมิให้เอาชื่อของผู้เป็นหุ้นส่วนจำพวกจำกัดความรับผิด  มาเรียกขานระคนเป็นชื่อห้าง

 

เอาชื่อ หมายถึง ทั้งชื่อตัว ชื่อรอง ชื่อสกุล

มาตรา 1082

ความรับผิดของผู้ที่เอาชื่อตัวมาเป็นชื่อห้าง

           ถ้าผู้เป็นหุ้นส่วนจำพวกจำกัดความรับผิดคนใดยินยอม โดยแสดงออกชัด หรือโดยปริยายให้ใช้ชื่อของตนระคนเป็นชื่อห้างไซร้   ท่านว่าผู้เป็นหุ้นส่วนคนนั้นจะต้องรับผิดต่อบุคคลภายนอกเสมือนดังว่า เป็นหุ้นส่วนจำพวกไม่จำกัดความรับผิดฉะนั้น
         แต่ในระหว่างผู้เป็นหุ้นส่วนกันเองนั้น ความรับผิดของผู้เป็นหุ้นส่วน เช่นนี้  ท่านให้คงบังคับตามสัญญาหุ้นส่วน

 

วรรค 2 หมายถึง รับผิดเท่ากับสัญญาหุ้นส่วน

มาตรา 1083

การลงทุนของผู้เป็นหุ้นส่วนจำกัดความรับผิด

          การลงหุ้นของผู้เป็นหุ้นส่วนจำพวกจำกัดความรับผิดนั้น  ท่านว่าต้องให้ลงเป็นเงินหรือทรัพย์สินอย่างอื่น ๆ

 

หุ้นส่วนพวกจำกัดความรับผิดจะลงเป็นแรงงานไม่ได้ 

มาตรา 1086

ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงต้องจดทะเบียน

          ข้อซึ่งตกลงกันในระหว่างผู้เป็นหุ้นส่วนทั้งหลาย เพื่อจะเปลี่ยนแปลงประเภททรัพย์สินที่ลงหุ้น หรือเพื่อจะลดจำนวน ลงหุ้นแห่งผู้เป็นหุ้นส่วนจำพวกจำกัดความรับผิดคนหนึ่งคนใดนั้น ท่านว่ายังไม่เป็นผลแก่บุคคลภายนอกจนกว่าจะได้จดทะเบียน
           เมื่อได้จดทะเบียนแล้วไซร้ ข้อตกลงนั้น ๆ ก็ย่อมมีผลแต่เพียง เฉพาะแก่หนี้อันห้างหุ้นส่วนได้ก่อให้เกิดขึ้น ภายหลังเวลาที่ได้จด ทะเบียนแล้วเท่านั้น

มาตรา 1087

ผู้จัดการห้างต้องเป็นพวกไม่จำกัดความรับผิด

           อันห้างหุ้นส่วนจำกัดนั้น ท่านว่าต้องให้แต่เฉพาะ ผู้เป็นหุ้นส่วนจำพวกไม่จำกัดความรับผิดเท่านั้นเป็นผู้จัดการ

 

ผู้เป็นหุ้นส่วนไม่จำกัดความรับผิดมีสิทธิดังนี้

1.       สิทธิที่จะลงหุ้นด้วยแรงงาน

2.       สิทธิเป็นผู้จัดการห้าง

3.       สิทธิไต่ถามการงานของห้างและตรวจคัดสำเนาสมุดบัญชี เอกสารของห้าง

4.       สิทธิของดใช้ชื่อตนในห้าง

5.       สิทธิเรียกเอาส่วนของตนในกิจการซึ่งไม่มีชื่อตน

6.       สิทธิบอกเลิกห้าง

7.       สิทธิขอให้ศาลบังคับชำระหนี้จากทรัพย์สินของห้างก่อน

มาตรา 1088

ผู้เป็นหุ้นส่วนจำกัดความรับผิด เข้าไปเกี่ยวข้องจัดการงานของห้าง

           ถ้าผู้เป็นหุ้นส่วนจำพวกจำกัดความรับผิดผู้ใดได้ เข้าไปเกี่ยวข้องจัดการงานของห้างหุ้นส่วน   ท่านว่าผู้นั้นจะต้องรับผิดรวมกันในบรรดาหนี้ทั้งหลายของห้างหุ้นส่วนนั้นโดยไม่จำกัดจำนวน
          
แต่การออกความเห็นและแนะนำก็ดี ออกเสียงเป็นคะแนนนับใน การตั้งและถอดถอนผู้จัดการตามกรณีที่มีบังคับไว้ในสัญญาหุ้นส่วน นั้นก็ดี ท่านหานับว่าเป็นสอดเข้าเกี่ยวข้องจัดการงานของห้างหุ้นส่วน นั้นไม่

มาตรา 1089

หุ้นส่วนจำพวกจำกัดความรับผิดนั้น จะตั้ง ให้เป็นผู้ชำระบัญชีได้

           ผู้เป็นหุ้นส่วนจำพวกจำกัดความรับผิดนั้น จะตั้ง ให้เป็นผู้ชำระบัญชีของห้างหุ้นส่วนก็ได้

มาตรา 1090

หุ้นส่วนจำกัดความรับผิดสามารถประกอบธุรกิจแข่งขันกับห้างหุ้นส่วนได้

           ผู้เป็นหุ้นส่วนจำพวกจำกัดความรับผิดจะประกอบการค้าขายอย่างใด ๆ เพื่อประโยชน์ตนหรือเพื่อประโยชน์บุคคล ภายนอกก็ได้   แม้ว่าการงานเช่นนั้นจะมีสภาพเป็นอย่างเดียวกันกับ การค้าขายของห้างหุ้นส่วนก็ไม่ห้าม

มาตรา 1091

หุ้นส่วนจำกัดความรับผิดโอนหุ้นของตนได้

           ผู้เป็นหุ้นส่วนจำพวกจำกัดความรับผิดจะโอนหุ้น ของตนปราศจากความยินยอมของผู้เป็นหุ้นส่วนอื่นๆ ก็โอนได้

มาตรา 1092

หุ้นส่วนจำพวกจำกัดความรับผิดตาย ห้างไม่ต้องเลิก

          การที่ผู้เป็นหุ้นส่วนจำพวกจำกัดความรับผิดตาย ก็ดี ล้มละลายหรือตกเป็นคนไร้ความสามารถก็ดี หาเป็นเหตุให้ ห้างหุ้นส่วนจำกัดต้องเลิกกันไม่   เว้นแต่จะได้มีข้อสัญญากันไว้เป็นอย่างอื่น

มาตรา 1093

ผู้เป็นหุ้นส่วนจำพวกจำกัดความรับผิดผู้ใดตาย ทายาทเข้าเป็นหุ้นส่วน

          ถ้าผู้เป็นหุ้นส่วนจำพวกจำกัดความรับผิดผู้ใดตาย   ท่านว่าทายาทของผู้นั้นย่อมเข้าเป็นหุ้นส่วนแทนที่ผู้ตาย   เว้นแต่จะได้มีข้อสัญญากันไว้เป็นอย่างอื่น

มาตรา 1094

หุ้นส่วนจำพวกจำกัดความรับผิดล้มละลาย

          ถ้าผู้เป็นหุ้นส่วนจำพวกจำกัดความรับผิดผู้ใด ล้มละลาย  ท่านว่าต้องเอาหุ้นของผู้นั้นในห้างหุ้นส่วนออกขายเป็นสินทรัพย์ในกองล้มละลาย

มาตรา 1095

สิทธิที่จะปฏิเสธการชำระหนี้จากเจ้าหนี้ของห้างเมื่อห้างยังไม่เลิก

           ตราบใดห้างหุ้นส่วนจำกัดยังมิได้เลิกกันตราบนั้น เจ้าหนี้ของห้างย่อมไม่มีสิทธิจะฟ้องร้องผู้เป็นหุ้นส่วนจำพวกจำกัดความรับผิดได้
          
แต่เมื่อห้างหุ้นส่วนนั้นได้เลิกกันแล้ว เจ้าหนี้ของห้างมีสิทธิฟ้องร้อง ผู้เป็นหุ้นส่วนจำพวกจำกัดความรับผิดได้เพียงจำนวนดังนี้ คือ
(1) จำนวนลงหุ้นของผู้เป็นหุ้นส่วนเท่าที่ยังค้างส่งแก่ห้างหุ้นส่วน
(2) จำนวนลงหุ้นเท่าที่ผู้เป็นหุ้นส่วนได้ถอนไปจากสินทรัพย์ของ ห้างหุ้นส่วน
(3) จำนวนเงินปันผลและดอกเบี้ยซึ่งผู้เป็นหุ้นส่วนได้รับไปแล้ว
โดยทุจริตและฝ่าฝืนต่อบท
มาตรา 1084

 

บริษัทจำกัด ส่วนที่ 1 สภาพและการตั้งบริษัทจำกัด

มาตรา 1096

ความหมายของบริษัท

          อันว่าบริษัทจำกัดนั้น คือบริษัทประเภทซึ่งตั้งขึ้น ด้วยแบ่งทุนเป็นหุ้นมีมูลค่าเท่า ๆ กัน โดยผู้ถือหุ้นต่างรับผิดจำกัด เพียงไม่เกินจำนวนเงินที่ตนยังส่งใช้ไม่ครบมูลค่าของหุ้นที่ตนถือ

มาตรา 1097

ผู้เริ่มก่อการบริษัท

           บุคคลใด ๆ ตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป  จะเริ่มก่อการและตั้งเป็นบริษัทจำกัดก็ได้ โดยเข้าชื่อกันทำหนังสือบริคณห์สนธิ และกระทำการอย่างอื่นตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายนี้

มาตรา 1098

ลายละเอียดของหนังสือบริคณห์สนธิ

           หนังสือบริคณห์สนธินั้น ต้องมีรายการดั่งต่อไปนี้คือ
(1) ชื่อบริษัทอันคิดจะตั้งขึ้น ซึ่งต้องมีคำว่า"จำกัด"ไว้ปลายชื่อนั้น ด้วยด้วยเสมอไป
(2) ที่สำนักงานของบริษัทซึ่งบอกทะเบียนนั้นจะตั้งอยู่ ณ ที่ใดใน พระราชอาณาเขต
(3) วัตถุที่ประสงค์ทั้งหลายของบริษัท
(4) ถ้อยคำสำแดงว่า ความรับผิดของผู้ถือหุ้นจะมีจำกัด
(5) จำนวนทุนเรือนหุ้นซึ่งบริษัทคิดกำหนดจะจดทะเบียนแบ่งออก เป็นหุ้นมีมูลค่ากำหนดหุ้นละเท่าไร
(6) ชื่อ สำนัก อาชีวะและลายมือชื่อของบรรดาผู้เริ่มก่อการทั้งจำนวน หุ้นซึ่งต่างคนต่างเข้าชื่อซื้อไว้คนละเท่าใด

 

ผู้เริ่มก่อการ = ต้องเป็นผู้บรรลุนิติภาวะ  ไม่เป็นคนไร้ความสามารถ บุคคลล้มละลาย  โดยผู้ก่อการที่เป็นผู้เยาว์ต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 12 ปีและต้องได้รับความยินยอมจากผู้แทนโดยชอบธรรม

มาตรา 1099

หนังสือบริคณห์สนธิ

           หนังสือบริคณห์สนธินั้น ท่านให้ทำเป็นต้นฉบับไว้ ไม่น้อยกว่าสองฉบับ และให้ลงลายมือชื่อของบรรดาผู้เริ่มก่อการและ ลายมือชื่อทั้งปวงนั้นให้มีพยานลงชื่อรับรองด้วยสองคน
            หนังสือบริคณห์สนธิซึ่งได้ทำนั้น ท่านบังคับให้นำฉบับหนึ่งไป จดทะเบียนและมอบไว้ ณ หอทะเบียนในส่วนพระราชอาณาเขตซึ่ง บ่งไว้ว่าจะบอกทะเบียนตั้งสำนักงานของบริษัทนั้น

มาตรา 1100

ผู้เริ่มก่อการต้องมีหุ้นด้วย

         ผู้เริ่มก่อการทุกคนต้องลงชื่อซื้อหุ้น ๆ หนึ่งเป็นอย่างน้อย

มาตรา 1101

ความรับผิดของกรรมการ

         บุคคลซึ่งเป็นกรรมการของบริษัทจำกัดจะรับผิดโดยไม่ จำกัดก็ได้   ถ้ากรณีเช่นนั้นไซร้ ท่านว่าต้องจดแถลงความรับผิดเช่นนั้นลงไว้ใน หนังสือบริคณห์สนธิด้วย
           อันความรับผิดโดยไม่จำกัดของผู้เป็นกรรมการนั้นย่อมถึงที่สุด   เมื่อล่วง เวลา 2 ปีนับแต่วันที่ตัวเขาออกจากตำแหน่งกรรมการ

มาตรา 1102

           ห้ามมิให้ชี้ชวนประชาชนให้ซื้อหุ้น

มาตรา 1104

ต้องเข้าชื่อซื้อหุ้นครบก่อนจดทะเบียน

          จำนวนหุ้นทั้งหมดซึ่งบริษัทคิดจะจดทะเบียนนั้น  ต้องมีผู้เข้าชื่อซื้อหรือออกให้กันเสร็จก่อนการจดทะเบียนของบริษัท

มาตรา 1105

การขายหุ้นครั้งแรกให้ผู้เป็นหุ้นส่วน

          อันหุ้นนั้น ท่านห้ามมิให้ออกโดยราคาต่ำไปกว่ามูลค่า ของหุ้นที่ตั้งไว้
          การออกหุ้นโดยราคาสูงกว่ามูลค่าของหุ้นที่ตั้งไว้นั้นหากว่าหนังสือ บริคณห์สนธิให้อำนาจไว้ ก็ให้ออกได้ และในกรณีเช่นนั้นต้องส่งใช้ จำนวนที่ล้ำมูลค่าพร้อมกันไปกับการส่งใช้เงินคราวแรก
           อนึ่ง เงินส่งใช้ค่าหุ้นคราวแรกนั้น ต้องมิให้น้อยกว่าร้อยละ 25  แห่งมูลค่าของหุ้นที่ตั้งไว้

 

มาตรา 1106

การเรียกให้ชำระค่าหุ้น

         การที่เข้าชื่อซื้อหุ้นนั้นย่อมผูกพันผู้เข้าชื่อโดยเงื่อนไข ว่าถ้าบริษัทตั้งขึ้นแล้วจะใช้จำนวนเงินค่าหุ้นนั้น ๆ ให้แก่บริษัทตามหนังสือ ชี้ชวนและข้อบังคับของบริษัท

มาตรา 1107

การประชุมตั้งบริษัท

          เมื่อหุ้นชนิดซึ่งจะต้องลงเงินนั้นได้มีผู้เข้าชื่อซื้อหมดแล้ว ผู้เริ่มก่อการต้องนัดบรรดาผู้เข้าชื่อซื้อหุ้นมาประชุมกันเป็นการประชุมใหญ่ โดยไม่ชักช้า ประชุมอันนี้ให้เรียกว่าประชุมตั้งบริษัท
           อนึ่ง ให้ผู้เริ่มก่อการส่งรายงานการตั้งบริษัทมีคำรับรองของตนว่าถูกต้อง และมีข้อความที่เกี่ยวแก่กิจการอันจะพึงกระทำในที่ประชุมตั้งบริษัททุก ๆ ข้อตามความใน มาตรา ต่อไปนี้ ไปยังผู้เข้าชื่อซื้อหุ้นทุกคนอย่างน้อยเจ็ดวัน ก่อนวันนัดประชุม
          เมื่อได้ส่งรายงานตั้งบริษัทแก่ผู้เข้าชื่อซื้อหุ้นแล้ว ผู้เริ่มก่อการต้อง จัดส่งสำเนารายงานอันมีคำรับรองว่าถูกต้องตามที่บังคับไว้ใน มาตรานี้ ไปยัง นายทะเบียนบริษัทโดยพลัน
           อนึ่ง ให้ผู้เริ่มก่อการจัดให้มีบัญชีแถลงรายชื่อ ฐานะ และสำนักของผู้ เข้าชื่อซื้อหุ้นกับจำนวนหุ้นซึ่งต่างคนได้ลงซื้อไว้เพื่อเสนอต่อที่ประชุมนั้น ด้วย
            บทบัญญัติทั้งหลายแห่ง
มาตรา 1176 มาตรา 1187 มาตรา 1188 มาตรา 1189 มาตรา 1191

มาตรา 1108

กิจการที่พึงประชุม

         กิจการอันจะพึงทำในที่ประชุมตั้งบริษัทนั้น คือ
(1) ทำความตกลงตั้งข้อบังคับต่าง ๆ ของบริษัท
(2) ให้สัตยาบันแก่บรรดาสัญญาซึ่งผู้เริ่มก่อการได้ทำไว้ และค่าใช้จ่าย อย่างหนึ่งอย่างใดซึ่งเขาต้องออกไปในการเริ่มก่อบริษัท
(3) วางกำหนดจำนวนเงินซึ่งจะให้แก่ผู้เริ่มก่อการ ถ้าหากมีเจตนาว่า จะให้
(4) วางกำหนดจำนวนหุ้นบุริมสิทธิ ทั้งกำหนดสภาพและบุริมสิทธิแห่ง หุ้นนั้น ๆ ว่าเป็นสถานใดเพียงใด ถ้าหากจะมีหุ้นเช่นนั้นในบริษัท
(5) วางกำหนดจำนวนหุ้นสามัญ หรือหุ้นบุริมสิทธิซึ่งออกให้เหมือน หนึ่งว่าได้ใช้เต็มค่าแล้วหรือได้ใช้แต่บางส่วนแล้ว เพราะใช้ให้ด้วยอย่างอื่น นอกจากตัวเงิน และกำหนดว่าเพียงใดซึ่งจะถือว่าเอาเป็นว่าได้ใช้เงินแล้ว ถ้าหากจะมีหุ้นเช่นนั้นในบริษัท
           ให้แถลงในที่ประชุมโดยเฉพาะว่า ซึ่งจะเอาหุ้นสามัญหรือหุ้นบุริมสิทธิ ให้เหมือนหนึ่งว่าได้ใช้เงินแล้วเช่นนั้น เพื่อแทนคุณแรงงานหรือตอบแทน ทรัพย์สินอย่างใด ให้พรรณนาจงชัดเจนทุกประการ
(6) เลือกตั้งกรรมการและพนักงานสอบบัญชีอันเป็นชุดแรกของบริษัท และวางกำหนดอำนาจของคนเหล่านี้ด้วย

มาตรา 1109 ออกสอบ

องค์ประชุมและการออกเสียงลงมติ

           ผู้เริ่มก่อการหรือผู้เข้าชื่อซื้อหุ้นจะออกเสียงลงคะแนนไม่ ได้ ถ้าตนมีส่วนได้เสียโดยพิเศษในปัญหาที่ยกขึ้นวินิจฉัยนั้น
          อนึ่ง มติของที่ประชุมตั้งบริษัทย่อมไม่สมบูรณ์ เว้นแต่ที่ประชุมจะได้ลงมติ โดยเสียงข้างมาก อันมีคะแนนของผู้เข้าชื่อซื้อหุ้นรวมกันไม่น้อยกว่ากึ่งจำนวน ผู้เข้าชื่อซื้อหุ้นทั้งหมดซึ่งมีสิทธิลงคะแนนได้ และคิดตามจำนวนหุ้นรวมกันไม่ น้อยกว่ากึ่งจำนวนหุ้นของผู้ถือหุ้นนั้น ๆ ทั้งหมดด้วยกัน

มาตรา 1110

การเรียกให้ผู้เข้าชื่อซื้อหุ้นชำระค่าหุ้น

           เมื่อได้ประชุมตั้งบริษัทแล้ว ให้ผู้เริ่มก่อการบริษัทมอบ การทั้งปวงให้แก่กรรมการของบริษัท
           เมื่อกรรมการได้รับการแล้ว ก็ให้ลงมือจัดการเรียกให้ผู้เริ่มก่อการและ ผู้เข้าชื่อซื้อหุ้นทั้งหลายใช้เงินในหุ้นซึ่งจะต้องใช้เป็นตัวเงิน เรียกหุ้นหนึ่งไม่น้อยกว่าร้อยละยี่สิบห้า ตามที่ได้กำหนดไว้ในหนังสือชี้ชวนบอก กล่าวกล่าวป่าวร้องหรือหนังสือชวนให้ซื้อหุ้น

มาตรา 1111

         เมื่อจำนวนเงินซึ่งว่าไว้ใน มาตรา 1110 ได้ใช้เสร็จ แล้ว กรรมการต้องไปขอจดทะเบียนบริษัทนั้น
             คำขอและข้อความที่ลงในทะเบียนนั้น ให้ระบุรายการตามที่ได้ตกลงกัน ในที่ประชุมตั้งบริษัท ดั่งต่อไปนี้ คือ
(1) จำนวนหุ้นทั้งสิ้นซึ่งได้มีผู้เข้าชื่อซื้อ หรือได้จัดออกให้แล้วแยกให้ ปรากฏว่าเป็นชนิดหุ้นสามัญเท่าใด หุ้นบุริมสิทธิเท่าใด
(2) จำนวนหุ้นสามัญหรือหุ้นบุริมสิทธิ ซึ่งออกให้เหมือนหนึ่งว่าได้ใช้เต็ม ค่าแล้วหรือได้ใช้แต่บางส่วนแล้ว นอกจากที่ใช้เป็นตัวเงินและหุ้นที่ได้ใช้แต่ บางส่วนนั้น ให้บอกว่าได้ใช้แล้วเพียงใด
(3) จำนวนเงินที่ได้ใช้แล้วหุ้นละเท่าใด
(4) จำนวนเงินที่ได้รับไว้เป็นค่าหุ้นรวมทั้งสิ้นเท่าใด
(5) ชื่อ อาชีวะ และที่สำนักของกรรมการทุกคน
(6) ถ้าให้กรรมการต่างมีอำนาจจัดการของบริษัทได้โดยลำพังตัวให้ แสดงอำนาจของกรรมการนั้น ๆ ว่าคนใดมีเพียงใด และบอกจำนวนหรือชื่อ กรรมการซึ่งจะลงชื่อเป็นสำคัญผูกพันบริษัทได้นั้นด้วย
(7) ถ้าตั้งบริษัทขึ้นชั่วกาลกำหนดอันหนึ่ง ให้บอกกาลกำหนดอันนั้นด้วย
(8) ที่ตั้งสำนักงานแห่งใหญ่และสาขาทั้งปวง
          การลงทะเบียนจะมีรายการอย่างอื่นซึ่งกรรมการเห็นสมควรจะให้ทราบ แก่ประชาชนก็ลงได้
          ใน การขอจดทะเบียนนั้น ถ้าได้ทำข้อบังคับของบริษัทไว้ประการใดบ้าง ต้องส่งสำเนาข้อบังคับนั้น ๆ ไปด้วยกับทั้งสำเนารายงานการประชุมตั้งบริษัท หนังสือทั้งสองนี้กรรมการต้องลงลายมือชื่อรับรองคนหนึ่งเป็นอย่างน้อย
          ให้พนักงานทะเบียนทำใบสำคัญแสดงการจดทะเบียน ส่งมอบให้แก่บริษัท ฉบับหนึ่ง

มาตรา 1111/1

          ในการจัดตั้งบริษัท ถ้าได้ดำเนินการครบทุกขั้นตอนดังต่อไปนี้ ภายในวันเดียวกับวันที่ผู้เริ่มก่อการจัดทำหนังสือบริคณห์สนธิ กรรมการจะขอจดทะเบียนหนังสือบริคณห์สนธิและจดทะเบียนบริษัทไปพร้อมกัน ภายในวันเดียวกันก็ได้
(1) จัดให้มีผู้เข้าชื่อซื้อหุ้นครบตามจำนวนหุ้นทั้งหมดที่บริษัทจะจดทะเบียน
(2) ประชุมจัดตั้งบริษัทเพื่อพิจารณากิจการต่าง ๆ ตาม
มาตรา 1108 โดยมีผู้เริ่มก่อการและผู้เข้าชื่อซื้อหุ้นทุกคนเข้าร่วมประชุม และผู้เริ่มก่อการและผู้เข้าชื่อซื้อหุ้นทุกคนให้ความเห็นชอบในกิจการที่ได้ประชุมกันนั้น
(3) ผู้เริ่มก่อการได้มอบกิจการทั้งปวงให้แก่กรรมการ
(4) กรรมการได้เรียกให้ผู้เข้าชื่อซื้อหุ้นใช้เงินค่าหุ้นตาม
มาตรา 1110 วรรคสอง และเงินค่าหุ้นดังกล่าวได้ใช้เสร็จแล้ว

มาตรา 1112

กรรมการบริษัทต้องยื่นขอจดทะเบียนใน 3 เดือน

           ถ้าการจดทะเบียนมิได้ทำภายในสามเดือนนับแต่ประชุม ตั้งบริษัทไซร้ ท่านว่าบริษัทนั้นเป็นอันไม่ได้ตั้งขึ้น และบรรดาเงินที่ได้รับไว้จากผู้เข้าชื่อซื้อหุ้นนั้นต้องใช้คืนเต็มจำนวนมิให้ลดเลย
           ถ้ามีจำนวนเงินเช่นว่านั้นค้างอยู่มิได้คืนในสามเดือนภายหลังการประชุม ตั้งบริษัทไซร้ ท่านว่ากรรมการของบริษัทต้องรับผิดร่วมกันที่จะใช้ทั้งต้นเงิน และดอกเบี้ยคิดตั้งแต่เวลาสิ้นกำหนดสามเดือนนั้น
           แต่ถ้ากรรมการคนใดพิสูจน์ได้ว่า การที่เงินขาดหรือที่ใช้คืนช้าไปมิได้ เป็นเพราะความผิดของตนไซร้ กรรมการคนนั้นก็ไม่ต้องรับผิดในการใช้ต้น เงินหรือดอกเบี้ย

มาตรา 1113

ผู้เริ่มก่อการต้องรับผิดในหนี้ก่อนจดทะเบียน

          ผู้เริ่มก่อการบริษัทต้องรับผิดร่วมกันและโดยไม่จำกัด   ในบรรดาหนี้และการจ่ายเงินซึ่งที่ประชุมตั้งบริษัทมิได้อนุมัติ และแม้จะได้มีอนุมัติก็ยังคงต้องรับผิดอยู่เช่นนั้นไปจนกว่าจะได้จดทะเบียนบริษัท

มาตรา 1114

เมื่อจดทะเบียนแล้วจะอ้างว่าสำคัญผิด ข่มขู่ ลวง ฉ้อฉลไม่ได้

           เมื่อบริษัทได้จดทะเบียนแล้ว ผู้เข้าชื่อซื้อหุ้นจะร้องฟ้อง ขอให้ศาลเพิกถอนการที่ตนได้เข้าชื่อซื้อ โดยยกเหตุว่าสำคัญผิดหรือต้อง ข่มขู่หรือถูกลวงล่อฉ้อฉลนั้น   ท่านว่าหาอาจทำได้ไม่

 

หุ้นและผู้ถือหุ้น

มาตรา 1117

มูลค่าหุ้น

        อันมูลค่าของหุ้น ๆ หนึ่งนั้น มิให้ต่ำกว่าห้าบาท

มาตรา 1118

         อันหุ้นนั้น ท่านว่าจะแบ่งแยกหาได้ไม่
         ถ้าบุคคลมีจำนวนแต่สองคนขึ้นไปถือหุ้น ๆ เดียวร่วมกัน ท่านว่าต้องตั้ง ให้คนใดคนหนึ่งในจำนวนนั้นแต่คนเดียวเป็นผู้ใช้สิทธิในฐานเป็นผู้ถือหุ้น
         อนึ่ง บุคคลทั้งหลายซึ่งถือหุ้น ๆ เดียวร่วมกัน ต้องร่วมกันรับผิดต่อบริษัท ในการส่งใช้มูลค่าของหุ้น

มาตรา 1119

จะหักหนี้เป็นค่าหุ้นไม่ได้

         หุ้นทุก ๆ หุ้นจำต้องให้ใช้เป็นเงินจนเต็มค่า เว้นแต่หุ้น ซึ่งออกตามบทบัญญัติ
มาตรา 1108 อนุมาตรา (5) หรือ มาตรา 1221
          ในการใช้เงินเป็นค่าหุ้นนั้น ผู้ถือหุ้นจะหักหนี้กับบริษัทหาได้ไม่

มาตรา 1120

          บรรดาเงินค่าหุ้นซึ่งยังจะต้องส่งอีกนั้น กรรมการจะ เรียกให้ผู้ถือหุ้นส่งใช้เสียเมื่อใดก็ได้ เว้นแต่ที่ประชุมใหญ่จะได้วินิจฉัย เป็นอย่างอื่น

มาตรา 1121

วิธีเรียกให้ชำระค่าหุ้น

 

          การเรียกเงินค่าหุ้นแต่ละคราวนั้น ท่านบังคับว่าให้ ส่งคำบอกกล่าวล่วงหน้า ไม่ต่ำกว่า 21วันด้วยจดหมายส่งลง ทะเบียนไปรษณีย์  และผู้ถือหุ้นทุกคนจะต้องใช้เงินตามจำนวนที่เรียกนั้น สุดแต่กรรมการจะได้กำหนดไปว่าให้ส่งไปยังผู้ใด ณ ที่ใด และเวลาใด

มาตรา 1122

ผู้ถือหุ้นต้องเสียเบี้ยปรับ

         ถ้าและเงินอันจะพึงส่งใช้เป็นค่าหุ้นตามเรียกนั้น ผู้ถือหุ้น คนใดมิได้ส่งใช้ตามวันกำหนดไซร้   ผู้นั้นจำต้องเสียดอกเบี้ยนับแต่วันที่กำหนด ให้ส่งใช้จนถึงวันที่ได้ส่งเสร็จ

 

ถ้ามิได้กำหนดอัตราดอกเบี้ยไว้ให้บังคับตามอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี มาตรา 224

มาตรา 1123

ผู้ถือหุ้นอาจถูกริบหุ้น

           ถ้าผู้ถือหุ้นคนใดละเลยไม่ส่งใช้เงินที่เรียกค่าหุ้นตามวัน กำหนดกรรมการจะส่งคำบอกกล่าวด้วยจดหมายส่งลงทะเบียนไปรษณีย์ ไปยังผู้นั้น  ให้ส่งใช้เงินที่เรียกกับทั้งดอกเบี้ยด้วยก็ได้
           ในคำบอกกล่าวอันนี้ ให้กำหนดเวลาไปพอสมควรเพื่อให้ใช้เงินที่เรียก กับทั้งดอกเบี้ย และต้องบอกไปด้วยว่าให้ส่งใช้ ณ สถานที่ใด อนึ่งในคำบอก กล่าวนั้นจะแจ้งไปด้วยก็ได้ว่า ถ้าไม่ใช้เงินตามเรียก หุ้นนั้นอาจจะถูกริบ

 

มาตรา 1124

การริบหุ้น

         ถ้าในคำบอกกล่าวมีข้อแถลงความถึงการริบหุ้นด้วยแล้ว  หากเงินค่าหุ้นที่เรียกกับทั้งดอกเบี้ยยังคงค้างชำระอยู่ ตราบใด  กรรมการจะบอกริบหุ้นนั้น ๆ เมื่อใดก็ได้

มาตรา 1125

หุ้นที่ถูกริบ

          หุ้นซึ่งริบแล้วนั้นให้เอาออกขายทอดตลาดโดยไม่ชักช้าได้ จำนวนเงินเท่าใดให้เอาหักใช้ค่าหุ้นที่เรียกกับดอกเบี้ยค้างชำระ   ถ้ายังมีเงิน เหลือเท่าใดต้องส่งคืนให้แก่ผู้ถือหุ้นนั้น

มาตรา 1126

สิทธิของผู้รับซื้อหุ้นที่ถูกริบ(ขายทอดตลาด)

          แม้ว่าวิธีการริบหุ้นขายหุ้นจะไม่ถูกต้องด้วยระเบียบก็ดี  ท่านว่าหาเหตุให้สิทธิของผู้ซื้อหุ้นซึ่งริบนั้นเสื่อมเสียไปอย่างไรไม่

มาตรา 1127

บริษัทต้องทำใบหุ้นให้แก่ผู้ถือหุ้นทุกคน

         ให้บริษัททำใบหุ้น คือใบสำคัญสำหรับหุ้นใบหนึ่งหรือหลายใบ  มอบให้เป็นคู่มือแก่ผู้ถือหุ้นจงทุก ๆ คน 
           เมื่อมอบใบหุ้นนั้น จะเรียกค่าธรรมเนียมก็ได้ สุดแต่กรรมการจะกำหนด แต่มิให้เกิน 10 บาท

มาตรา 1128

           ในใบหุ้นทุก ๆ ใบ ท่านให้กรรมการลงลายมือชื่อเองคน หนึ่งเป็นอย่างน้อย และประทับตราของบริษัทเป็นสำคัญ
           ในใบหุ้นนั้นต้องมีข้อความต่อไปนี้ คือ
(1) ชื่อบริษัท
(2) เลขหมายหุ้นที่กล่าวถึงในใบหุ้นนั้น
(3) มูลค่าหุ้นหนึ่งเป็นเงินเท่าใด
(4) ถ้าและเป็นหุ้นที่ยังไม่ได้ใช้เงินเสร็จ ให้จดลงว่าได้ใช้เงินค่าหุ้น แล้วหุ้นละเท่าใด
(5) ชื่อผู้ถือหุ้น หรือคำแถลงว่าได้ออกใบหุ้นนั้นให้แก่ผู้ถือ

มาตรา 1129

หุ้นสามารถโอนกันได้

          อันว่าหุ้นนั้นย่อมโอนกันได้โดยมิต้องได้รับความยินยอม ของบริษัท    เว้นแต่เมื่อเป็นหุ้นชนิดระบุชื่อลงในใบหุ้นซึ่งมีข้อบังคับของบริษัท กำหนดไว้เป็นอย่างอื่น
          การโอนหุ้นชนิดระบุชื่อลงในใบหุ้นนั้น ถ้ามิได้ทำเป็นหนังสือและลงลาย มือชื่อของผู้โอนกับผู้รับโอน มีพยานคนหนึ่งเป็นอย่างน้อยลงชื่อรับรองลายมือ นั้น ๆ ด้วยแล้ว ท่านว่าเป็นโมฆะ อนึ่งตราสารอันนั้นต้องแถลงเลขหมายของ หุ้นซึ่งโอนกันนั้นด้วย
           การโอนเช่นนี้จะนำมาใช้แก่บริษัทหรือบุคคลภายนอกไม่ได้ จนกว่าจะได้ จดแจ้งการโอนทั้งชื่อและสำนักของผู้รับโอนนั้นลงในทะเบียนผู้ถือหุ้น

มาตรา 1130

ข้อจำกัดการโอนโดยกฎหมาย

          หุ้นใดเงินที่เรียกค่าหุ้นยังค้างชำระอยู่ หุ้นนั้นบริษัทจะไม่ ยอมรับจดทะเบียนให้โอนก็ได้

มาตรา 1131

ปิดสมุดพักการโอนหุ้น

          ในระหว่าง 14 วันก่อนการประชุมใหญ่สามัญ  บริษัทจะปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้นเสียก็ได้

มาตรา 1132

การได้หุ้นมาโดยเหตุบางอย่าง

          ในเหตุบางอย่าง  เช่นผู้ถือหุ้นตายก็ดี หรือล้มละลายก็ดี   อันเป็นเหตุให้บุคคลอื่นเป็นผู้มีสิทธิจะได้หุ้นขึ้นนั้น หากว่าบุคคลนั้นนำใบหุ้นมาเวนคืน   เมื่อเป็นวิสัยจะทำได้   ทั้งได้นำหลักฐานอันสมควรมาแสดงด้วย แล้ว ก็ให้บริษัทรับบุคคลนั้นลงทะเบียนเป็นผู้ถือหุ้นสืบไป

 

การได้หุ้นมาโดยเหตุบางอย่าง  เช่น  การได้หุ้นมาจากการขายทอดตลาด  ในการบังคับคดีของศาล หรือได้หุ้นตามคำพิพากษาของศาล

มาตรา 1133

          หุ้นซึ่งโอนกันนั้นถ้าเป็นหุ้นอันยังมิได้ส่งเงินใช้เต็มจำนวน ค่าหุ้น ท่านว่าผู้โอนยังคงต้องรับผิดในจำนวนเงินที่ยังมิได้ส่งใช้ไม่ครบถ้วน นั้น แต่ว่า
(1) ผู้โอนไม่ต้องรับผิดในหนี้อันหนึ่งอันใดของบริษัทซึ่งได้ก่อให้เกิดขึ้น ภายหลังโอน
(2) ผู้โอนไม่ต้องรับผิดออกส่วนใช้หนี้ เว้นแต่ความปรากฏขึ้นแก่ศาลว่า บรรดาผู้ที่ยังถือหุ้นของบริษัทอยู่นั้นไม่สามารถออกส่วนใช้หนี้อันเขาจะพึงต้อง ออกใช้นั้นได้
          ในข้อความรับผิดเช่นว่ามานั้น ท่านห้ามมิให้ฟ้องผู้โอนเมื่อพ้นสองปีนับแต่ ได้จดแจ้งการโอนนั้นลงในทะเบียนผู้ถือหุ้น

มาตรา 1134

หุ้นผู้ถือจะออกได้ต้องมีทั้ง 2 กรณี

          ใบหุ้นออกให้แก่ผู้ถือนั้น จะออกได้ก็แต่เมื่อมีข้อบังคับของ บริษัทอนุญาตไว้ และจะออกให้ได้แต่เฉพาะเพื่อหุ้นซึ่งได้ใช้เต็มค่าแล้ว   ในกรณีเช่นว่านี้ ผู้ทรงใบหุ้นชนิดระบุชื่อย่อมมีสิทธิจะได้รับใบหุ้นชนิดออกให้แก่ ผู้ถือ เมื่อเวนคืนใบหุ้นชนิดระบุชื่อนั้นให้ขีดฆ่าเสีย

มาตรา 1135

การโอนหุ้นชนิดออกให้แก่ผู้ถือ

        หุ้นชนิดที่มีใบหุ้นออกให้แก่ผู้ถือนั้น ย่อมโอนกันได้เพียง ด้วยส่งมอบใบหุ้นแก่กัน

มาตรา 1136

         ผู้ทรงใบหุ้นชนิดออกให้แก่ผู้ถือ  ย่อมมีสิทธิจะมาขอ เปลี่ยนเอาใบหุ้นชนิดระบุชื่อได้ เมื่อเวนคืนใบหุ้นฉบับออกให้แก่ผู้ถือนั้น ให้ขีดฆ่าเสีย

มาตรา 1137

กรรมการจะต้องถือหุ้นชนิดระบุชื่อ จะถือหุ้นชนิดออกให้ผู้ถือไม่ได้

          ถ้าข้อบังคับของบริษัทมีกำหนดไว้เป็นองค์คุณอันหนึ่ง สำหรับผู้จะเป็นกรรมการ ว่าจำจะต้องเป็นผู้ถือหุ้นเป็นจำนวนเท่าหนึ่ง เท่าใดไซร้  หุ้นเช่นนี้ท่านว่าต้องเป็นหุ้นระบุชื่อ

มาตรา 1138

รายการในสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้น

           บริษัทจำกัดต้องมีสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้น มีรายการดั่ง ต่อไปนี้คือ
(1) ชื่อและสำนัก กับอาชีวะ ถ้าว่ามี ของผู้ถือหุ้น ข้อแถลงเรื่องหุ้น ของผู้ถือหุ้นคนหนึ่ง ๆ แยกหุ้นออกตามเลขหมายและจำนวนเงินที่ ได้ใช้แล้ว หรือที่ได้ตกลงกันให้ถือว่าเป็นอันได้ใช้แล้วในหุ้นของผู้ถือ หุ้นคนหนึ่ง ๆ
(2) วันเดือนปีซึ่งได้ลงทะเบียนบุคคลผู้หนึ่ง ๆ เป็นผู้ถือหุ้น
(3) วันเดือนปีซึ่งบุคคลคนใดคนหนึ่งขาดจากเป็นผู้ถือหุ้น
(4) เลขหมายใบหุ้นและวันที่ลงในใบหุ้นชนิดออกให้แก่ผู้ถือ และเลขหมายของหุ้นซึ่งได้ลงไว้ในใบหุ้นนั้น ๆ
(5) วันที่ได้ขีดฆ่าใบหุ้นชนิดระบุชื่อ หรือชนิดออกให้แก่ผู้ถือ

มาตรา 1143

ห้ามบริษัทถือหุ้นหรือรับจำนำหุ้นตนเอง

          ห้ามมิให้บริษัทจำกัดเป็นเจ้าของถือหุ้นของตนเอง หรือรับจำนำหุ้นของตนเอง

 

แต่บริษัทสามารถถือหุ้นหรือรับจำนำหุ้นของบริษัทคนอื่นได้

 

บทเบ็ดเสร็จทั่วไป( วิธีจัดการบริษัทจำกัด)

มาตรา 1144

กรรมการจัดการตามข้อบังคับของที่ประชุมใหญ่

           บรรดาบริษัทจำกัด ให้มีกรรมการคนหนึ่งหรือหลายคน ด้วยกันจัดการตามข้อบังคับของบริษัท และอยู่ในความครอบงำของที่ ประชุมใหญ่แห่งผู้ถือหุ้นทั้งปวง

มาตรา 1145

การแก้ไขเพิ่มเติมข้อความที่จดทะเบียนไว้

          จำเดิมแต่ได้จดทะเบียนบริษัทแล้ว ท่านห้ามมิให้ ตั้งข้อบังคับขึ้นใหม่ หรือเพิ่มเติมเปลี่ยนแปลงข้อบังคับหรือข้อความใน หนังสือบริคณห์สนธิแต่อย่างหนึ่งอย่างใด เว้นแต่จะได้มีการลงมติพิเศษ

มาตรา 1146

จดทะเบียนข้อบังคับใหม่

          บรรดาข้อบังคับอันได้ตั้งขึ้นใหม่ หรือได้เพิ่มเติม เปลี่ยนแปลงนั้น เป็นหน้าที่ของบริษัทที่จะจัดให้ไปจดทะเบียนภายใน กำหนดสิบสี่วันนับแต่วันที่ได้มีการลงมติพิเศษ

 

กรรมการ

มาตรา 1150

จำนวนกรรมการ

           ผู้เป็นกรรมการจะพึงมีจำนวนมากน้อยเท่าใดและจะพึง ได้บำเหน็จเท่าใด ให้สุดแล้วแต่ที่ประชุมใหญ่จะกำหนด

มาตรา 1152

วาระการดำรงตำแหน่งของกรรมการ

          ในเมื่อมีการประชุมสามัญครั้งแรกภายหลังแต่ จดทะเบียนบริษัทก็ดี และในเมื่อมีการประชุมสามัญครั้งแรกในปี ทุก ๆ ปีต่อไปก็ดี ผู้เป็นกรรมการต้องออกจากตำแหน่งโดยจำนวน หนึ่งในสามเป็นอัตราถ้าและจำนวนกรรมการจะแบ่งออกให้ตรงเป็น ส่วนสามไม่ได้ ให้ออกโดยจำนวนใกล้ที่สุดกับส่วนหนึ่งในสาม

มาตรา 1153

           ตัวกรรมการที่จะต้องออกจากตำแหน่งในปีแรก และปีที่สองภายหลังจดทะเบียนบริษัทนั้น ถ้ากรรมการมิได้ตกลงกัน ไว้เองเป็นวิธีอื่นไซร้ ก็ให้จับสลากกัน ส่วนปีหลัง ๆ ต่อไปให้กรรมการ คนที่ได้อยู่ในตำแหน่งนานที่สุดนั้นเป็นผู้ต้องออก
           กรรมการผู้ออกไปนั้นจะเลือกเข้ารับตำแหน่งอีกก็ได้

มาตรา 1154

คุณสมบัติของกรรมการ

          ถ้ากรรมการคนใดล้มละลาย หรือตกเป็นผู้ไร้ ความสามารถไซร้ ท่านว่ากรรมการคนนั้นเป็นอันขาดจากตำแหน่ง

 

ล้มละลาย  หมายถึง ศาลพิพากษาให้ล้มละลายแล้ว  ดังนั้นการที่กรรมการบริษัทถูกศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดยังไม่ถือว่าเป็นบุคคลล้มละลายตามความหมายของมาตราดังกล่าว

มาตรา 1155

การเลือกตั้งซ่อม

           ถ้าตำแหน่งว่างลงในสภากรรมการเพราะเหตุอื่น นอกจากถึงคราวออกตามเวรไซร้ ท่านว่ากรรมการจะเลือกผู้อื่นตั้งขึ้น ใหม่ให้เต็มที่ว่างก็ได้ แต่บุคคลที่ได้เป็นกรรมการใหม่เช่นนั้น ให้มีเวลา อยู่ในตำแหน่งได้เพียงเท่ากำหนดเวลาที่กรรมการผู้ออกไปนั้นชอบที่ จะอยู่ได้

มาตรา 1157

ตั้งกรรมการใหม่

           การตั้งกรรมการขึ้นใหม่นั้น ตั้งใครเมื่อใดท่านให้ นำความไปจดทะเบียนภายในสิบสี่วันนับแต่วันที่มีการเปลี่ยนแปลง

มาตรา 1167

กรรมการมีฐานะเป็นตัวแทนบริษัท

           ความเกี่ยวพันกันในระหว่างกรรมการและบริษัท และบุคคลภายนอกนั้น ท่านให้บังคับตามบทบัญญัติแห่งประมวล กฎหมายนี้ ว่าด้วยตัวแทน

มาตรา 1169

ความรับผิดของกรรมการต่อบริษัท

           ถ้ากรรมการทำให้เกิดเสียหายแก่บริษัท บริษัทจะฟ้อง ร้องเรียกเอาสินไหมทดแทนแก่กรรมการก็ได้ หรือในกรณีที่บริษัทไม่ยอม ฟ้องร้อง ผู้ถือหุ้นคนหนึ่งคนใดจะเอาคดีนั้นขึ้นว่าก็ได้
          
อนึ่ง การเรียกร้องเช่นนี้ เจ้าหนี้ของบริษัทจะเป็นผู้เรียกบังคับก็ได้ เท่าที่เจ้าหนี้ยังคงมีสิทธิเรียกร้องแก่บริษัทอยู่

มาตรา 1170

กรรมการปฏิบัติหน้าที่ภายในขอบวัตถุประสงค์กรรมการไม่ต้องรับผิดเป็นการส่วนตัว

          เมื่อการซึ่งกรรมการคนใดได้ทำไปได้รับอนุมัติของที่ ประชุมใหญ่แล้ว ท่านว่ากรรมการคนนั้นไม่ต้องรับผิดในการนั้นต่อผู้ถือหุ้น ซึ่งได้ให้อนุมัติหรือต่อบริษัทอีกต่อไป
         ท่านห้ามมิให้ผู้ถือหุ้นซึ่งมิได้ให้อนุมัติด้วยนั้นฟ้องคดี เมื่อพ้นเวลา  6 เดือนนับแต่วันที่ประชุมใหญ่ให้อนุมัติแก่การเช่นว่านั้น

 

ประชุมใหญ่

มาตรา 1171

การประชุมสามัญ

          ให้มีการประชุมผู้ถือหุ้นทั่วไปเป็นประชุมใหญ่ภายใน  6 เดือนนับแต่วันที่ได้จดทะเบียนบริษัท และต่อนั้นไปก็ให้มีการประชุมเช่นนี้ครั้งหนึ่งเป็นอย่างน้อยทุกระยะเวลา12 เดือน
          การประชุมเช่นนี้ เรียกว่าประชุมสามัญ
          การประชุมใหญ่คราวอื่นบรรดามีนอกจากนี้ เรียกว่าประชุมวิสามัญ

มาตรา 1172

การประชุมวิสามัญ

          กรรมการจะเรียกประชุมวิสามัญเมื่อใดก็ได้สุดแต่จะเห็นสมควร
          ถ้าบริษัทขาดทุนลงถึงกึ่งจำนวนต้นทุน กรรมการต้องเรียกประชุมวิสามัญ ทันทีเพื่อแจ้งให้ผู้ถือหุ้นทราบการที่ขาดทุนนั้น

มาตรา 1173

ผู้ถือหุ้นสามารถเรียกประชุมวิสามัญได้

          การประชุมวิสามัญจะต้องนัดเรียกให้มีขึ้นในเมื่อผู้ถือหุ้น มีจำนวนหุ้นรวมกันไม่น้อยกว่าหนึ่งในห้าแห่งจำนวนหุ้นของบริษัทได้เข้า ชื่อกันทำหนังสือร้องขอให้เรียกประชุมเช่นนั้น ในหนังสือร้องขอนั้นต้อง ระบุว่าประสงค์ให้เรียกประชุมเพื่อการใด

มาตรา 1174

          เมื่อผู้ถือหุ้นยื่นคำร้องขอให้เรียกประชุมวิสามัญ ดังที่กล่าวมาใน มาตราก่อนนี้แล้ว ให้กรรมการเรียกประชุมโดยพลัน
          ถ้าและกรรมการมิได้เรียกประชุมภายในสามสิบวันนับแต่วันยื่น คำร้องไซร้ผู้ถือหุ้นทั้งหลายซึ่งเป็นผู้ร้อง หรือผู้ถือหุ้นคนอื่น ๆ รวมกัน ได้จำนวนดังบังคับไว้นั้นจะเรียกประชุมเองก็ได้

มาตรา 1175

วิธีการเรียกประชุมใหญ่

          คำบอกกล่าวเรียกประชุมใหญ่ให้ลงพิมพ์โฆษณาในหนังสือพิมพ์แห่งท้องที่ อย่างน้อยหนึ่งคราวก่อนวันนัดประชุมไม่น้อยกว่าเจ็ดวัน และส่งทางไปรษณีย์ตอบรับไปยังผู้ถือหุ้นทุกคนที่มีชื่อในทะเบียนของบริษัท ก่อนวันนัดประชุมไม่น้อยกว่าเจ็ดวัน เว้นแต่เป็นคำบอกกล่าวเรียกประชุมใหญ่เพื่อลงมติพิเศษ ให้กระทำการดังว่านั้นก่อนวันนัดประชุมไม่น้อยกว่าสิบสี่วัน
           คำบอกกล่าวเรียกประชุมใหญ่นั้น ให้ระบุสถานที่ วัน เวลา และสภาพแห่งกิจการที่จะได้ประชุมปรึกษากัน และในกรณีที่เป็นคำบอกกล่าวเรียกประชุมใหญ่ เพื่อลงมติพิเศษให้ระบุข้อความที่จะนำเสนอให้ลงมติด้วย

มาตรา 1176

ผู้มีสิทธิเข้าประชุม

           ผู้ถือหุ้นทั่วทุกคนมีสิทธิจะเข้าประชุมในที่ประชุมใหญ่ ได้เสมอ ไม่ว่าจะเป็นประชุมชนิดใดคราวใด

มาตรา 1177

วิธีการประชุม

          วิธีดั่งบัญญัติไว้ในมาตราต่อ ๆ ไปนี้ ท่านให้ใช้บังคับ แต่การประชุมใหญ่ เว้นแต่จะมีข้อบังคับของบริษัทกำหนดไว้เป็นข้อ ความขัดกัน

มาตรา 1178

          ในการประชุมใหญ่ ถ้าไม่มีผู้ถือหุ้นมาเข้าประชุมรวม กันแทนหุ้นได้ถึงจำนวนหนึ่งในสี่แห่งทุนของบริษัทเป็นอย่างน้อยแล้ว   ท่านว่าที่ประชุมอันนั้นจะปรึกษากิจการอันใดหาได้ไม่

มาตรา 1179

กรณีไม่ครบองค์ประชุม

           การประชุมใหญ่เรียกนัดเวลาใด เมื่อล่วงเวลานัดนั้นไป แล้วถึงชั่วโมงหนึ่ง จำนวนผู้ถือหุ้นซึ่งมาเข้าประชุมยังไม่ครบถ้วนเป็นองค์ประชุมดั่งบัญญัติไว้ใน มาตรา 1178 นั้นไซร้ หากว่าการประชุม ใหญ่นั้นได้เรียกนัดเพราะผู้ถือหุ้นร้องขอ ท่านให้เลิกประชุม
          ถ้าการประชุมใหญ่นั้นมิใช่ชนิดซึ่งเรียกนัดเพราะผู้ถือหุ้นร้องขอไซร้ ท่านให้เรียกนัดใหม่อีกคราวหนึ่งภายในสิบสี่วัน และการประชุมใหญ่ครั้งหลังนี้ท่านไม่บังคับว่าจำต้องครบองค์ประชุม

มาตรา 1180

ประธานในที่ประชุม

          ในการประชุมผู้ถือหุ้นทั่วไปเป็นประชุมใหญ่ทุก ๆ ครั้ง ให้ผู้เป็นประธานในสภากรรมการนั่งเป็นประธาน
          ถ้าประธานกรรมการเช่นว่านี้ไม่มีตัวก็ดี หรือไม่มาเข้าประชุมจน ล่วงเวลานัดไปแล้วสิบห้านาทีก็ดี ให้ผู้ถือหุ้นทั้งหลายซึ่งอยู่ในที่นั้น เลือกผู้ถือหุ้นคนหนึ่งในจำนวนซึ่งมาประชุมขึ้นนั่งเป็นประธาน

มาตรา 1181

การเลื่อนประชุม

          ผู้นั่งเป็นประธานจะเลื่อนการประชุมใหญ่ใด ๆ ไป เวลาอื่นโดยความยินยอมของที่ประชุมก็ได้ แต่ในที่ประชุมซึ่งได้เลื่อน มานั้นท่านมิให้ปรึกษากิจการอันใดนอกไปจากที่ค้างมาแต่วันประชุมก่อน

 

การเลื่อนการประชุมไม่จำต้องบอกกล่าวล่วงหน้า 7 วันเพราะมิใช่เป็นวันที่นัดประชุม

มาตรา 1182

การนับคะแนน 2 แบบ

 

           ในการลงคะแนนโดยวิธีชูมือนั้น ท่านให้นับว่าผู้ถือหุ้น ทุกคนที่มาประชุมเอง หรือมอบฉันทะให้ผู้อื่นมาประชุมแทนมีเสียงหนึ่ง เป็นคะแนน แต่ในการลงคะแนนลับท่านให้นับว่าผู้ถือหุ้นทุกคนมีคะแนนเสียง เสียงหนึ่งต่อหุ้นหนึ่งที่ตนถือ

มาตรา 1183

ผู้มีสิทธิลงคะแนน

           ถ้ามีข้อบังคับของบริษัทวางเป็นกำหนดไว้ว่า ต่อเมื่อ ผู้ถือหุ้นเป็นผู้มีหุ้นแต่จำนวนเท่าใดขึ้นไปจึ่งให้ออกเสียงเป็นคะแนนได้ ไซร้ ท่านว่าผู้ถือหุ้นทั้งหลายซึ่งไม่มีหุ้นถึงจำนวนเท่านั้น ย่อมมีสิทธิ ที่จะเข้ารวมกันให้ได้จำนวนหุ้นดั่งกล่าว แล้วตั้งคนหนึ่งในพวกของตน ให้เป็นผู้รับฉันทะออกเสียงแทนในการประชุมใหญ่ใด ๆ ได้

 

มาตรา 1184

ถ้ายังไม่ได้ชำระค่าหุ้นก็ไม่มีสิทธิลงคะแนน

          ผู้ถือหุ้นคนใดยังมิได้ชำระเงินค่าหุ้นซึ่งบริษัทได้เรียก เอาแต่ตนให้เสร็จสิ้น  ท่านว่าผู้ถือหุ้นคนนั้นไม่มีสิทธิออกเสียงเป็นคะแนน

มาตรา 1185

ห้ามผู้ถือหุ้นที่มีส่วนได้เสียออกเสียง

          ผู้ถือหุ้นคนใดมีส่วนได้เสียเป็นพิเศษในข้ออันใดซึ่ง ที่ประชุมจะลงมติ ท่านห้ามมิให้ผู้ถือหุ้นคนนั้นออกเสียงลงคะแนนด้วย ในข้อนั้น

มาตรา 1186

หุ้นชนิดผู้ถือออกเสียงไม่ได้

           ผู้ทรงใบหุ้นชนิดออกให้แก่ผู้ถือหาอาจออกเสียงเป็นคะแนนได้ไม่   เว้นแต่จะได้นำใบหุ้นของตนนั้นมาวางไว้แก่บริษัทแต่ก่อน เวลาประชุม

มาตรา 1187

มอบฉันทะในการออกเสียง

           ผู้ถือหุ้นทุกคนจะมอบฉันทะให้ผู้อื่นออกเสียงแทนตนก็ได้  แต่การมอบฉันทะเช่นนี้ต้องทำเป็นหนังสือ

มาตรา 1188

การมอบฉันทะ(มอบครั้งใดคราวใด)

            หนังสือตั้งผู้รับฉันทะนั้น ให้ลงวันและลงลายมือชื่อผู้ถือหุ้น และให้มีรายการดั่งต่อไปนี้ คือ
(1) จำนวนหุ้นซึ่งผู้มอบฉันทะนั้นถืออยู่
(2) ชื่อผู้รับฉันทะ
(3) ตั้งผู้รับมอบฉันทะนั้นเพื่อการประชุมครั้งคราวใด หรือตั้งไว้ชั่วระยะ เวลาเพียงใด

มาตรา 1189

          อันหนังสือตั้งผู้รับฉันทะนั้น ถ้าผู้มีชื่อรับฉันทะ ประสงค์จะออกเสียงในการประชุมครั้งใด ต้องนำไปวางต่อผู้เป็น ประธานแต่เมื่อเริ่ม หรือก่อนเริ่มประชุมครั้งนั้น

มาตรา 1190

การลงคะแนน

         ในการประชุมใหญ่ใด ๆ ข้อมติอันเสนอให้ลงคะแนน ท่านให้ตัดสินด้วยวิธีชูมือ เว้นแต่เมื่อก่อนหรือในเวลาที่แสดงผลแห่ง การชูมือนั้นจะได้มีผู้ถือหุ้นสองคนเป็นอย่างน้อยติดใจร้องขอให้ลง คะแนนลับ

มาตรา 1191

          ในการประชุมใหญ่ใด ๆเมื่อผู้เป็นประธานแสดงว่ามติ อันใดนับคะแนนชูมือเป็นอันว่าได้หรือตกก็ดี และได้จดลงไว้ในสมุด รายงานประชุมของบริษัทดั่งนั้นแล้ว ท่านให้ถือเป็นหลักฐานเพียงพอ ที่จะฟังได้ตามนั้น
          ถ้ามีผู้ติดใจร้องขอให้ลงคะแนนลับไซร้ ท่านให้ถือว่าผลแห่งคะแนน ลับนั้นเป็นมติของที่ประชุม

มาตรา 1192

           ถ้ามีผู้ติดใจร้องขอโดยชอบให้ลงคะแนนลับ การลงคะแนนเช่นนั้นจะทำด้วยวิธีใดสุดแล้วแต่ผู้เป็นประธานจะสั่ง

มาตรา 1193

ประธานชี้ขาด

           ถ้าคะแนนเสียงเท่ากัน จะเป็นในการชูมือก็ดี หรือในการลงคะแนนลับก็ดี ให้ผู้เป็นประธานในที่ประชุมมีคะแนนอีกเสียง หนึ่งเป็นเสียงชี้ขาด

 

ประธานในที่ประชุมมีสิทธิ 2 เสียงคือตอนลงคะแนนเสียงครั้งแรก  ประธานก็มีสิทธิลงได้  และตอนตัดสินชี้ขาดอีก 1 เสียง

มาตรา 1194

การประชุมเพื่อมีมติพิเศษ

           การใดที่กฎหมายกำหนดให้ต้องทำโดยมติพิเศษ  ที่ประชุมใหญ่ต้องลงมติในเรื่องนั้นโดยคะแนนเสียงข้างมากไม่ต่ำกว่าสามในสี่ของจำนวนเสียงทั้งหมดของผู้ถือหุ้นที่มาประชุมและมีสิทธิออกเสียงลงคะแนน

มาตรา 1195

การเพิกถอนมติในที่ประชุมใหญ่

           การประชุมใหญ่นั้นถ้าได้นัดเรียกหรือได้ประชุมกัน หรือได้ลงมติฝ่าฝืนบทบัญญัติในลักษณะนี้ก็ดี หรือฝ่าฝืนข้อบังคับของ บริษัทก็ดีเมื่อกรรมการหรือผู้ถือหุ้นคนหนึ่งคนใดร้องขึ้นแล้วให้ศาลเพิก ถอนมติของที่ประชุมใหญ่อันผิดระเบียบนั้นเสีย แต่ต้องร้องขอภายในกำหนดเดือนหนึ่งนับแต่วันลงมตินั้น

 

บัญชีงบดุล

มาตรา 1196

            อันบัญชีงบดุลนั้น ท่านว่าต้องทำอย่างน้อยครั้งหนึ่งทุก รอบสิบสองเดือน คือเมื่อเวลาสุดรอบสิบสองเดือนอันจัดว่าเป็นขวบปีใน ทางบัญชีเงินของบริษัทนั้น
           อนึ่งงบดุลต้องมีรายการย่อแสดงจำนวนสินทรัพย์และหนี้สิน ของบริษัทกับทั้งบัญชีกำไรและขาดทุน

 

เงินปันผลและเงินสำรอง

มาตรา 1200

สิทธิที่จะได้รับเงินปันผล

            การแจกเงินปันผลนั้น ต้องคิดตามส่วนจำนวน ซึ่งผู้ถือหุ้น ได้ส่งเงินแล้วในหุ้นหนึ่ง ๆ เว้นแต่จะได้ตกลงกันไว้เป็นอย่างอื่นในเรื่องหุ้นบุริมสิทธิ

 

EX. ถ้าหุ้นสามัญที่ยังชำระมูลค่าหุ้นยังไม่ครบ  จะได้เงินปันผลเท่ากับราคาหุ้นที่ชำระแล้วเท่านั้น เช่นหุ้นสามัญราคาหุ้นละ 100 บาท แต่ชำระแล้ว 50 บาท เงินปันผลต่อหุ้นหุ้นละ 10 บาท จะได้เงินปันผลเพียง 5 บาท/หุ้นเท่านั้น แต่กรณีของหุ้นบุริมสิทธิ แม้จะชำระค่าหุ้นยังไม่ครบก็มีสิทธิรับเงินปันผลเต็มจำนวน

มาตรา 1201

ห้ามจ่ายเงินปันผลโดยไม่ได้รับมติจากที่ประชุมใหญ่

          ห้ามมิให้ประกาศอนุญาตเงินปันผล นอกจากโดยมติของที่ประชุมใหญ่
          กรรมการอาจจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลให้แก่ผู้ถือหุ้น ได้เป็นครั้งเป็นคราว ในเมื่อปรากฏแก่กรรมการว่าบริษัทมีกำไรสมควรพอที่จะทำเช่นนั้น
          ห้ามมิให้จ่ายเงินปันผลจากเงินประเภทอื่นนอกจากเงินกำไร ถ้าหากบริษัทขาดทุน ห้ามมิให้จ่ายเงินปันผลจนกว่าจะได้แก้ไขให้หายขาดทุนเช่นนั้น

 

จะจ่ายเงินปันผลจากเงินทุนของบริษัทไม่ได้  ต้องจ่ายจากเงินกำไรเท่านั้น

มาตรา 1202

ต้องจัดสรรกำไรสมทบทุนสำรองก่อนจ่ายปันผล

หักเงินสำรอง 5%ของกำไรเข้าทุนสำรองจนกว่าจะได้ 10%ของทุนบริษัท

          ทุกคราวที่แจกเงินปันผล บริษัทต้องจัดสรรเงินไว้เป็นทุนสำรองอย่างน้อยหนึ่งในยี่สิบส่วนของจำนวนผลกำไร ซึ่งบริษัททำมาหาได้จาก กิจการของบริษัท   จนกว่าทุนสำรองนั้นจะมีจำนวนถึงหนึ่งในสิบของจำนวนทุน ของบริษัทหรือมากกว่านั้น แล้วแต่จะได้ตกลงกำหนดไว้ในข้อบังคับของบริษัท
         ถ้าได้ออกหุ้นโดยคิดเอาราคาเกินกว่าที่ปรากฏในใบหุ้นเท่าใด จำนวนที่คิดเกินนี้ท่านให้บวกทบเข้าในทุนสำรองจนกว่าทุนสำรองจะมีจำนวนเท่าถึงที่ กำหนดไว้ในวรรคก่อน

 

เงินทุนสำรอง= เงินส่วนที่กฎหมายบังคับให้บริษัทต้องจัดสรรไว้เพื่อเสริมสร้างฐานะและความสามารถในการชำระหนี้และการใช้จ่ายของบริษัทให้มั่นคงยิ่งขึ้น

มาตรา 1203

การจ่ายปันผลฝ่าฝืนมาตรา 1201,1202

           ถ้าจ่ายเงินปันผลไปโดยฝ่าฝืนความในมาตราทั้งสองซึ่ง กล่าวมาไซร้   เจ้าหนี้ทั้งหลายของบริษัทชอบที่จะเรียกเอาเงินจำนวนซึ่งได้ แจกไปคืนมายังบริษัทได้  แต่ว่าถ้าผู้ถือหุ้นคนใดได้รับเงินปันผลไปแล้วโดย สุจริต ท่านว่าจะกลับบังคับให้เขาจำคืนนั้นหาได้ไม่

 

มาตรา 1204

การจ่ายปันผลต้องบอกกล่าวให้ผู้ถือหุ้นทราบ

           การบอกกล่าวว่าจะปันผลอย่างใด ๆ อันได้อนุญาตให้จ่ายนั้น ให้บริษัทมีจดหมายบอกกล่าวไปยังตัวผู้ถือหุ้นที่ปรากฏชื่ออยู่ในทะเบียนผู้ถือหุ้นทุกคน แต่ในกรณีที่บริษัทมีหุ้นชนิดที่มีใบหุ้นออกให้แก่ผู้ถือ ให้โฆษณาในหนังสือพิมพ์แห่งท้องที่อย่างน้อยหนึ่งคราวด้วย

มาตรา 1205

ห้ามคิดดอกเบี้ยในเงินปันผลค้างจ่าย

           เงินปันผลนั้น แม้จะค้างจ่ายอยู่ ท่านว่าหาอาจจะคิดเอา ดอกเบี้ยแก่บริษัทได้ไม่

 

การสอบบัญชี

มาตรา 1209

การตั้งผู้สอบบัญชี

         ผู้สอบบัญชีนั้น ให้ที่ประชุมสามัญเลือกตั้งทุกปี

         ผู้สอบบัญชี คนซึ่งออกไปนั้นจะเลือกกลับเข้ารับตำแหน่งอีกก็ได้

 

การเพิ่มทุนและลดทุน  (ใช้เฉพาะหุ้นสามัญเท่านั้น)

มาตรา 1220

หลักเกณฑ์การเพิ่มทุน

          บริษัทจำกัดอาจเพิ่มทุนของบริษัทขึ้นได้ด้วยออกหุ้นใหม่ดยมติพิเศษของประชุมผู้ถือหุ้น

มาตรา 1221

ออกหุ้นใหม่โดใช้เป็นเงิน

          บริษัทจำกัดจะออกหุ้นใหม่ให้เสมือนหนึ่งว่าได้ใช้เต็มค่า แล้ว หรือได้ใช้แต่บางส่วนแล้วด้วยอย่างอื่นนอกจากให้ใช้เป็นตัวเงินนั้นไม่ได้   เว้นแต่จะทำตามมติพิเศษของประชุมผู้ถือหุ้น

 

การเพิ่มทุนในบริษัท จำกัดให้ออกหุ้นใหม่ขายเท่านั้น  ไม่อนุญาตให้เพิ่มมูลค่าหุ้น

มาตรา 1222

การออกหุ้นใหม่ต้องเสนอขายให้กับผู้ถือหุ้นเดิมเท่านั้น

           บรรดาหุ้นที่ออกใหม่นั้น ต้องเสนอให้แก่ผู้ถือหุ้นทั้งหลาย ตามส่วนจำนวนหุ้นซึ่งเขาถืออยู่
           คำเสนอเช่นนี้ ต้องทำเป็นหนังสือบอกกล่าวไปยังผู้ถือหุ้นทุก ๆ คนระบุ จำนวนหุ้นให้ทราบว่าผู้นั้นชอบที่จะซื้อได้กี่หุ้น และให้กำหนดวันว่าถ้าพ้นวัน นั้นไปมิได้มีคำสนองมาแล้วจะถือว่าเป็นอันไม่รับซื้อ
           
เมื่อวันที่กำหนดล่วงไปแล้วก็ดี หรือผู้ถือหุ้นได้บอกมาว่าไม่รับซื้อหุ้น นั้นก็ดี กรรมการจะเอาหุ้นเช่นนั้นขายให้แก่ผู้ถือหุ้นคนอื่นหรือจะรับซื้อ ไว้เองก็ได้

มาตรา 1224

หลักเกณฑ์การลดทุน

           บริษัทจำกัดจะลดทุนของบริษัทลงด้วยลดมูลค่าแต่ ละหุ้น ๆ ให้ต่ำลง หรือลดจำนวนหุ้นให้น้อยลงโดยมติพิเศษของประชุม ผู้ถือหุ้นก็ได้

มาตรา 1225

ลดทุนได้ต่ำสุดไม่เกิน

           อันทุนของบริษัทนั้นจะลดลงไปให้ถึงต่ำกว่าจำนวนหนึ่งในสี่ของทุนทั้งหมดหาได้ไม่

 

ห้ามลดทุนลงเหลือต่ำกว่า 1 ใน 4 แห่งทุนเดิมที่จดทะเบียนไว้

EX. หากกรณีหุ้นมีราคาหุ้นละ 100 บาท จะลดมูลค่าหุ้นลงเหลือต่ำสุดได้เพียง 25 บาทเท่านั้น  จะต่ำกว่า 25 บาทไม่ได้

มาตรา 1226

การลดทุนต้องโฆษณาในหนังสือพิมพ์

          เมื่อบริษัทประสงค์จะลดทุน ต้องโฆษณาความประสงค์นั้นในหนังสือพิมพ์ แห่งท้องที่อย่างน้อยหนึ่งคราว และต้องมีหนังสือบอกกล่าวไปยังบรรดาผู้ซึ่งบริษัทรู้ว่าเป็นเจ้าหนี้ของบริษัท บอกให้ทราบรายการซึ่งประสงค์จะลดทุนลง  และขอให้เจ้าหนี้ ผู้มีข้อคัดค้านอย่างหนึ่งอย่างใดในการลดทุนนั้น ส่งคำคัดค้านไปภายใน 30 วันนับแต่วันที่บอกกล่าวนั้น
          
ถ้าไม่มีผู้ใดคัดค้านภายในกำหนดเวลา 30วัน ก็ให้พึงถือว่าไม่มีการคัดค้าน
          ถ้าหากมีเจ้าหนี้คัดค้าน บริษัทจะจัดการลดทุนลงไม่ได้ จนกว่าจะได้ใช้หนี้ หรือให้ประกันเพื่อหนี้รายนั้นแล้ว

มาตรา 1228

นำมติพิเศษเพิ่มทุนลดทุน

           มติพิเศษซึ่งอนุญาตให้เพิ่มทุนหรือลดทุนนั้น  บริษัทต้อง จดทะเบียนภายในสิบสี่วันนับแต่วันที่ได้ลงมตินั้น

 

การเลิกบริษัทจำกัด

มาตรา 1236

การเลิกบริษัทตามวัตถุประสงค์

            อันบริษัทจำกัดย่อมเลิกกันด้วยเหตุดั่งจะกล่าวต่อไปนี้ คือ
(1) ถ้าในบังคับของบริษัทมีกำหนดกรณีอันใดเป็นเหตุที่จะเลิกกัน เมื่อกรณีนั้น
(2) ถ้าบริษัทได้ตั้งขึ้นไว้เฉพาะกำหนดกาลใด เมื่อสิ้นกำหนดกาลนั้น
(3) ถ้าบริษัทได้ตั้งขึ้นเฉพาะเพื่อทำกิจการอย่างหนึ่งอย่างใดแต่อย่าง เดียว เมื่อเสร็จการนั้น
(4) เมื่อมีมติพิเศษให้เลิก
(5) เมื่อบริษัทล้มละลาย

 

 

มาตรา 1237

การเลิกบริษัทตามคำสั่งศาล

            นอกจากนี้ศาลอาจสั่งให้เลิกบริษัทจำกัดด้วยเหตุต่อไปนี้ คือ
(1) ถ้าทำผิดในการยื่นรายงานประชุมตั้งบริษัท หรือทำผิดในการประชุมตั้งบริษัท
(2) ถ้าบริษัทไม่เริ่มทำการภายในปีหนึ่งนับแต่วันจดทะเบียนหรือหยุดทำ การปีหนึ่งเต็ม
(3) ถ้าการค้าของบริษัททำไปก็มีแต่ขาดทุนอย่างเดียว และไม่มีทาง หวังว่าจะกลับฟื้นตัวได้
(4) ถ้าจำนวนผู้ถือหุ้นลดน้อยลงจนเหลือไม่ถึงสามคน

           แต่อย่างไรก็ดี ในกรณีทำผิดในการยื่นรายงานประชุมตั้งบริษัทหรือทำผิด ในการประชุมตั้งบริษัท ศาลจะสั่งให้ยื่นรายงานประชุมตั้งบริษัทหรือให้มีการ ประชุมตั้งบริษัทแทนสั่งให้เลิกบริษัทก็ได้ แล้วแต่จะเห็นควร

 

การควบบริษัทจำกัดเข้ากัน

มาตรา 1238

การควบบริษัท

          อันบริษัทจำกัดนั้นจะควบเข้ากันมิได้ เว้นแต่จะเป็นไป โดยมติพิเศษ

 

การลงมติพิเศษ = สำหรับการควบบริษัท จะต้องมีการลงมติ 2 ครั้งด้วยกัน  โดยครั้งแรกต้องได้เสียงสนับสนุน  3 ใน 4 และการประชุมครั้งหลังต้องได้เสียงสนับสนุนอย่างน้อย 2 ใน 3

มาตรา 1239

มติพิเศษควบบริษัท

             มติพิเศษซึ่งวินิจฉัยให้ควบบริษัทจำกัดเข้ากันนั้นบริษัท ต้องนำไปจดทะเบียนภายในสิบสี่วันนับตั้งแต่วันลงมติ

มาตรา 1240

หลักเกณฑ์การควบบริษัท

 

            บริษัทต้องโฆษณาในหนังสือพิมพ์แห่งท้องที่อย่างน้อยหนึ่งคราว และส่งคำบอกกล่าวไปยังบรรดาผู้ซึ่งบริษัทรู้ว่าเป็นเจ้าหนี้ของบริษัท บอกให้ทราบรายการที่ประสงค์จะควบบริษัทเข้ากัน และขอให้เจ้าหนี้ผู้มีข้อคัดค้านอย่างหนึ่งอย่างใดในการควบบริษัทเข้ากัน นั้น ส่งคำคัดค้านไปภายใน 60 วันนับแต่วันที่บอกกล่าว
           ถ้าไม่มีใครคัดค้านภายในกำหนดเวลาเช่นว่านั้น ก็ให้พึงถือว่าไม่มีคัด ค้าน
           ถ้าหากมีเจ้าหนี้คัดค้าน บริษัทจะจัดการควบเข้ากันมิได้ จนกว่าจะได้ใช้ หนี้หรือได้ให้ประกันเพื่อหนี้รายนั้น

 

การควบบริษัทมี 4 ชนิดคือ

1.       Consolidation หรือ บริษัท ก.+บริษัท ข.=บริษัท ค.

2.       Merger หรือ บริษัท ก.+บริษัท ข.=บริษัท ก.

3.       Acquisition คือการเข้าซื้อทรัพย์สิน + หนี้สิน พอที่จะเข้าบริหารกิจการ

4.        Take over คือ การเข้าซื้อหุ้น พอที่จะเข้าบริหารกิจการ

มาตรา 1241

เมื่อควบกันแล้วต้องจดทะเบียน

           บริษัทได้ควบเข้ากันแล้วเมื่อใด  ต่างบริษัทต้องนำความไปจดทะเบียนภายในสิบสี่วันนับแต่วันที่ควบเข้ากัน และบริษัทจำกัดอันได้ ตั้งขึ้นใหม่ด้วยควบเข้ากันนั้น ก็ต้องจดทะเบียนเป็นบริษัทใหม่

ไม่เน้น

การชำระบริษัทห้างหุ้นส่วนจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนจำกัดและบริษัทจำกัด

มาตรา 1247

การชำระบัญชี

           การชำระบัญชีห้างหุ้นส่วนจดทะเบียนหรือห้างหุ้นส่วน จำกัดหรือบริษัทจำกัดซึ่งล้มละลายนั้น ให้จัดทำไปตามบทกฎหมาย ลักษณะล้มละลายที่คงใช้อยู่ตามแต่จะทำได้
           รัฐมนตรีเจ้าหน้าที่จะออกกฎกระทรวงว่าด้วยการชำระบัญชี ห้างหุ้นส่วนและบริษัท และกำหนดอัตราค่าฤชาธรรมเนียมก็ออกได้

มาตรา 1249

กรณีห้างหุ้นส่วนเลิกกัน

           ห้างหุ้นส่วนก็ดี บริษัทก็ดี แม้จะได้เลิกกันแล้วก็ให้ พึงถือว่ายังคงตั้งอยู่ตราบเท่าเวลาที่จำเป็นเพื่อการชำระบัญชี

มาตรา 1250

หน้าที่สะสางการงานของห้างหุ้นส่วน

           หน้าที่ของผู้ชำระบัญชี คือชำระสะสางการงานของ ห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทนั้นให้เสร็จไป  กับจัดการใช้หนี้เงินและแจกจำหน่ายสินทรัพย์ของห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทนั้น

มาตรา 1251

การแต่งตั้งผู้ชำระบัญชี

          ห้างหุ้นส่วนก็ดี บริษัทก็ดี ในเมื่อเลิกกันเพราะเหตุอื่น นอกจากล้มละลาย   หุ้นส่วนผู้จัดการห้างหรือกรรมการของบริษัทย่อมเข้า เป็นผู้ชำระบัญชี   เว้นไว้แต่ข้อสัญญาของห้าง หรือข้อบังคับของบริษัท จะมีกำหนดไว้เป็นสถานอื่น
          ถ้าไม่มีผู้ชำระบัญชีดั่งว่ามานี้ และเมื่อพนักงานอัยการหรือบุคคลอื่น ผู้มีส่วนได้เสียในการนี้ร้องขอ ท่านให้ศาลตั้งผู้ชำระบัญชี

มาตรา 1252

อำนาจของผู้ชำระบัญชี

          หุ้นส่วนผู้จัดการ หรือกรรมการบริษัทมีอำนาจโดย ตำแหน่งเดิมฉันใด เมื่อเป็นผู้ชำระบัญชีก็ยังคงมีอำนาจอยู่ฉันนั้น

มาตรา 1253

หน้าที่ของผู้ชำระบัญชี

           ภายใน 14 วันนับแต่ได้เลิกห้างเลิกบริษัท หรือถ้าศาล ได้ตั้งผู้ชำระบัญชีนับแต่วันที่ศาลตั้ง ผู้ชำระบัญชีต้องกระทำดังจะกล่าว ต่อไปนี้คือ
(1) บอกกล่าวแก่ประชาชนโดยประกาศโฆษณาในหนังสือพิมพ์แห่งท้องที่อย่างน้อย หนึ่งคราวว่าห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทนั้น ได้เลิกกันแล้วและให้ผู้เป็นเจ้าหนี้ทั้งหลายยื่นคำทวงหนี้แก่ผู้ชำระบัญชี
(2) ส่งคำบอกกล่าวอย่างเดียวกันเป็นจดหมายลงทะเบียนไปรษณีย์ ไปยังเจ้าหนี้ทั้งหลายทุก ๆ คน บรรดามีชื่อปรากฏในสมุดบัญชี หรือ เอกสารของห้างหรือบริษัทนั้น

มาตรา 1254

จดทะเบียนเลิกหุ้นส่วน

          การเลิกหุ้นส่วนหรือบริษัทนั้น ผู้ชำระบัญชีต้องนำ บอกให้จดทะเบียนภายในสิบสี่วันนับแต่วันที่เลิกกัน และในการนี้ต้อง ระบุชื่อผู้ชำระบัญชีทุก ๆ คนให้จดลงทะเบียนไว้ด้วย

มาตรา 1255

จัดทำงบดุลและเรียกประชุมใหญ่

          ผู้ชำระบัญชีต้องทำงบดุลขึ้นโดยเร็วที่สุดที่เป็นวิสัย จะทำได้   ส่งให้ผู้สอบบัญชีตรวจสอบลงสำคัญว่าถูกต้อง แล้วต้องเรียก ประชุมใหญ่

มาตรา 1257

การถอดถอนผู้ชำระบัญชี

          ผู้ชำระบัญชีซึ่งมิใช่เป็นขึ้นเพราะศาลตั้งนั้น   ท่านว่าจะถอนเสียจากตำแหน่งและตั้งผู้อื่นแทนที่ก็ได้ ในเมื่อผู้เป็น หุ้นส่วนทั้งหลายออกเสียงเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน หรือที่ประชุม ใหญ่ของผู้ถือหุ้นได้ลงมติดังนั้น   แต่ศาลย่อมสั่งถอนผู้ชำระบัญชี จากตำแหน่งและตั้งผู้อื่นแทนที่ได้ ไม่เลือกว่าจะเป็นผู้ชำระบัญชี ซึ่งศาลตั้งหรือมิใช่ศาลตั้ง ในเมื่อมีคำร้องขอของผู้เป็นหุ้นส่วน ในห้างคนใดคนหนึ่ง หรือของผู้ถือหุ้นในบริษัทมีหุ้นรวมกันนับได้ ถึงหนึ่งในยี่สิบแห่งทุนของบริษัท โดยจำนวนที่ส่งใช้เงินเข้าทุนแล้วนั้น

 

การถอดถอนผู้ชำระบัญชีแยก 2 กรณี

1.       ถ้าแต่งตั้งโดยศาล  ศาลเท่านั้นเป็นผู้ถอดถอนได้

2.       ถ้าไม่ได้แต่งตั้งโดยศาล  อาจถอดถอนในที่ประชุมใหญ่  ผู้ถือหุ้นมีมติให้ถอนหรือศาลสั่งถอดถอนได้

มาตรา 1261

ผู้ชำระบัญชีหลายคน

          ถ้ามีผู้ชำระบัญชีหลายคนการใด ๆ ที่ผู้ชำระบัญชี กระทำย่อมไม่เป็นอันสมบูรณ์นอกจากผู้ชำระบัญชีทั้งหลายจะได้ทำ ร่วมกัน เว้นแต่ที่ประชุมใหญ่หรือศาลจะได้กำหนดอำนาจไว้เป็นอย่าง อื่นในเวลาตั้งผู้ชำระบัญชี

มาตรา 1272

อายุความการฟ้องเรียกหนี้สินของห้างหุ้นส่วนหรือบริษัท

           ในคดีฟ้องเรียกหนี้สินซึ่งห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทหรือ ผู้เป็นหุ้นส่วน หรือผู้ถือหุ้น หรือผู้ชำระบัญชีเป็นลูกหนี้อยู่ในฐานเช่นนั้น   ท่านห้ามมิให้ฟ้องเมื่อพ้นกำหนด 2 ปีนับแต่วันถึงที่สุดแห่งการชำระบัญชี


ขอบคุณที่ติดตามบล็อกและเฟสบุคของ พี่เล้ง นิติศาสตร์ มสธ 

สวัสดีครับ

ความคิดเห็น