สำหรับผู้ที่เตรียมสอบตั๋วทนายหรือนักศึกษากฎหมาย การเข้าใจหลักกฎหมายอาญามาตรา 59 ถือเป็นพื้นฐานสำคัญที่จะช่วยให้วางกรอบวิเคราะห์คดีได้อย่างถูกต้องและแม่นยำ วันนี้เราจะมาอธิบายเนื้อหาของ มาตรา 59 ประมวลกฎหมายอาญา พร้อมตัวอย่างข้อเท็จจริงให้เห็นภาพชัดเจน เข้าใจง่าย แม้ไม่ใช่นักกฎหมายก็สามารถเรียนรู้ได้ค่ะ
📜 มาตรา 59 ประมวลกฎหมายอาญา (ภาษาไทย):
ตัวบทประมวลกฎหมายอาญามาตรา 59 บัญญัติไว้ดังนี้
“มาตรา 59 ” หรือ “มาตรา 59 อาญา” คือหนึ่งในมาตราของประมวลกฎหมายอาญา
ซึ่งบัญญัติไว้ว่า “บุคคลจะต้องรับผิดในทางอาญาก็ต่อเมื่อได้กระทำโดยเจตนา เว้นแต่จะได้กระทำโดยประมาท ในกรณีที่กฎหมายบัญญัติให้ต้องรับผิดเมื่อได้กระทำโดยประมาท หรือเว้นแต่ในกรณีที่กฎหมายบัญญัติไว้โดยแจ้งชัดให้ต้องรับผิดแม้ได้กระทำโดยไม่มีเจตนา
👉กระทำโดยเจตนา ได้แก่กระทำโดยรู้สำนึกในการที่กระทำและในขณะเดียวกันผู้กระทำประสงค์ต่อผล หรือย่อมเล็งเห็นผลของการกระทำนั้น
👉ถ้าผู้กระทำมิได้รู้ข้อเท็จจริงอันเป็นองค์ประกอบของความผิด จะถือว่าผู้กระทำประสงค์ต่อผล หรือย่อมเล็งเห็นผลของการกระทำนั้นมิได้
👉กระทำโดยประมาท ได้แก่กระทำความผิดมิใช่โดยเจตนา แต่กระทำโดยปราศจากความระมัดระวังซึ่งบุคคลในภาวะเช่นนั้นจักต้องมีตามวิสัยและพฤติการณ์ และผู้กระทำอาจใช้ความระมัดระวังเช่นว่านั้นได้ แต่หาได้ใช้ให้เพียงพอไม่
👉การกระทำ ให้หมายความรวมถึงการให้เกิดผลอันหนึ่งอันใดขึ้นโดยงดเว้นการที่จักต้องกระทำเพื่อป้องกันผลนั้นด้วย
คำอธิบาย
มาตรา 59 แห่งประมวลกฎหมายอาญา ซึ่งเป็นรากฐานของ ความรับผิดทางอาญา ของบุคคล บทบัญญัตินี้กำหนดว่าบุคคลจะต้องรับผิดชอบต่อการกระทำผิดเมื่อ กระทำโดยเจตนา เว้นแต่กฎหมายจะระบุให้ต้องรับผิดเมื่อ กระทำโดยประมาท หรือเมื่อมีการบัญญัติไว้อย่างชัดเจนว่าต้องรับผิดแม้จะไม่มีเจตนาก็ตาม
นอกจากนี้ยังให้คำนิยามที่ชัดเจนเกี่ยวกับ การกระทำโดยเจตนา ว่าหมายถึงการกระทำโดยรู้สำนึกและประสงค์ต่อผลหรือย่อมเล็งเห็นผลของการกระทำนั้น
และอธิบาย การกระทำโดยประมาท ว่าเป็นการกระทำที่ขาดความระมัดระวังที่พึงมีในสถานการณ์นั้นๆ โดยที่ผู้กระทำสามารถใช้ความระมัดระวังได้แต่ไม่ได้ใช้ให้เพียงพอ สุดท้าย นิยามของ "การกระทำ" ยังรวมถึงการงดเว้นการกระทำที่จำเป็นเพื่อป้องกันผลลัพธ์บางอย่างด้วย
📜 Section 59 of the Penal Code (English Translation):
Section 59. Intention or Negligence
A person shall be criminally liable only when such person commits an act intentionally, except in case of the law provides that such person must be liable when such person commits an act by negligence, or except in case of the law clearly provides that such person must be liable even though such person commits an act unintentionally.
To commit an act intentionally is to do an act consciously and at the same time the doer desired or could have foreseen the effect of such doing.
If the doer does not know the facts constituting the elements of the offence, it cannot be deemed that the doer desired or could have foreseen the effect of such doing.
To commit an act by negligence is to commit an offence unintentionally but without exercising such care as might be expected from a person under such condition and circumstances, and the doer could exercise such care but did not do so sufficiently.
An act shall also include any consequence brought about by the omission to do an act which must be done in order to prevent such consequence.
✅ คำอธิบายสั้นๆ เพิ่มเติม
-
หลักทั่วไป: ความผิดทางอาญาต้องมี “เจตนา” เป็นหลัก (Intent)
-
ข้อยกเว้น: บางกรณีที่กฎหมายกำหนดให้ต้องรับผิดแม้ไม่มีเจตนา เช่น ความผิดโดยประมาท (Negligence)
-
การกระทำ: ครอบคลุมทั้ง “การกระทำ” และ “การละเว้น” (ไม่ทำในสิ่งที่ควรทำ)
💡 คำศัพท์สำคัญทางกฎหมาย (Legal Vocabulary)
คำศัพท์ | ความหมาย |
---|---|
เจตนา (Intent) | การตั้งใจ กระทำโดยรู้และต้องการผล |
ประมาท (Negligence) | การไม่ระมัดระวังจนเกิดความเสียหาย |
การกระทำ | การแสดงออกด้วยกาย วาจา หรือไม่กระทำก็ถือเป็นการกระทำได้ |
🏛️ ตัวอย่างข้อเท็จจริงในชีวิตจริง
-
นาย ก ตั้งใจขโมยของจากร้านค้า → มีเจตนา → ต้องรับผิด
-
นาย ข ขับรถโดยไม่ระวังจนชนคนเดินถนนเสียชีวิต → ไม่มีเจตนาแต่ประมาท → ต้องรับผิด
-
นาย ค ไม่ช่วยเหลือผู้กำลังตกน้ำ ทั้งที่ช่วยได้ → อาจเข้าข่ายละเว้นการกระทำที่จำเป็น
⚠️ ข้อควรระวังในการวิเคราะห์มาตรา 59
-
ต้องวิเคราะห์แยกให้ชัดระหว่าง เจตนา กับ ประมาท
-
หากข้อเท็จจริงไม่สมบูรณ์ อย่ารีบด่วนสรุป
✅ Tip: ในการทำข้อสอบหรือวิเคราะห์คดีจริง พยายามตั้งคำถามเสมอว่า “ผู้กระทำมีความตั้งใจจริงหรือไม่?”
✏️ แบบฝึกหัด (Quick Test)
คำถาม: ใครต่อไปนี้เข้าข่ายมีเจตนา?
a) นาย ก รู้ว่าการกระทำจะทำให้คนตายและยังทำ
b) นาย ข ทำโดยไม่ตั้งใจแต่ผลเกิดขึ้น
c) นาย ค ละเลยต่อหน้าที่โดยไม่ได้คิดถึงผล
✅ เฉลย: ข้อ a) นาย ก มีเจตนา
มาตรา 59 เป็นรากฐานสำคัญของกฎหมายอาญา การแยกแยะเจตนาและประมาทเป็นทักษะที่จำเป็นในการสอบและปฏิบัติงานจริง หมั่นฝึกวิเคราะห์ข้อเท็จจริง และเช็คความเข้าใจเสมอ คุณจะพร้อมสำหรับทุกสนามสอบแน่นอนค่ะ
🙏 ขอบคุณที่อ่านจนจบค่ะ!
ถ้าบทความนี้เป็นประโยชน์ ฝาก กดไลค์ แชร์ และแสดงความคิดเห็น เป็นกำลังใจให้ผู้เขียนด้วยนะคะ
👉 Read more: สรุปกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ที่ออกสอบบ่อย!
แหล่งอ้างอิง:
👉 Read more: วิธีเขียนตอบข้อสอบตั๋วทนาย หัวข้อ "คำฟ้องอาญา" และ "คำขอท้ายฟ้อง" ภาคทฤษฎี
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น